- พระคุณแม่
ท้องนภา ว่าใหญ่ ไพศาล
ยังไม่ปาน “พระคุณแม่” แท้จริงนั่น
พระคุณแม่ แผ่เมตตา สารพัน
นับจากวัน เริ่ม”ก่อจุด” ในอุทร
ท่านประคอง ท้องตัว กลัวลูกดับ
นอนไม่หลับ กินไม่ได้ ใจทอดถอน
จากหนึ่งวัน ผันหนึ่งเดือน เคลื่อนบทจร
จนครบค่อน เก้าเดือน ลูกเคลื่อนกาย
วันกำเนิด เปิดตา มาดูโลก
แม่ต้องโชก เลือดทรมาน ปานสลาย
แม้พ้นวัน วิกฤต ชีวิตวาย
ก็ไม่คลาย ทรมาน คร้านเลี้ยงดู
ต้องถนอม กล่อมเกลี้ยง เลี้ยงลูกรัก
คอยไสผลัก อันตราย หมายสู่
ยามเติบใหญ่ ให้ศึกษา หาความรู้
เพื่อลูกอยู่ สุขสบาย ไม่ยากจน
ส่งลูกเรียน เขียนอ่าน วิทยา
จาก ก. กา ผดุง จนสูงส่ง
ผลลัพธ์แม่ แลหวัง สู้ตั้งตน
สุขกมล เท่านั้น วันสิ้นใจลูกจะตอบ แทนคุณ อุ่น หรือ “หนี”
แม่ไม่มี เวลาคิด.. ผิดวิสัย
สิ่งที่แม่ แลดู “อุ้มชูไป”
กว่าลูกไม่ ต้องการ ให้จานเจือ
ลูกบางคน “ก่นด่า ว่าแม่ไพร่
แม่ก็ไม่ โกรธขึ้ง…ตรึง…”ช่วยเหลือ”
รักของแม่ แด่บุตร สุดเหลือเฟือ
นี่แหละ..เนื้อ แก่นใจ ในมารดา
เกิดเป็นคน “สนใจแม่” ผู้ให้เกิด
เอาไว้เถิด ชาย…หญิง สิ่งสูงค่า
แม่ต้องทน หม่นเศร้า เพราะเรามา
แสนนานช้า เหลือเกิน กว่า “เป็นคน”
หากเป็นชาย หมายใจ “บวชให้แม่”
เพื่อได้แผ่ “บุญญา- มหากุศล”
ทดแทนพระ คุณแม่ สู้เลี้ยงตน
จะส่งผล ให้ชีวา พบเจริญ
สำหรับหมู่ ผู้หญิง สิ่งที่เอ่ย
แม้ไม่อาจ ชดเชย ให้สรรเสริญ
ควรวางตน มอบหัวใจ ให้แม่เพลิน
เพื่อไม่เดิน พลัดตก “นรกเลว”ฯ
จาก… สมกิจ บุญเชิดฉายทั้งสามภพ ยกตั้ง ขึ้นช่างเปรียบ
ยังไม่เทียบ คุณแม่ สุดแลหา
ถึงอบอุ่น สุริยัน และจันทรา
อกมารดา อิงอุ่น กว่าสูรย์จันทร์
ถึงธารทิพย์ หลั่งไหล มาให้ดื่ม
ไม่ปลาบปลื้ม ซาบซ่าน เท่าธารถัน
ถึงนางฟ้า มาอุ้ม ช่วยคุ้มกัน
ไม่เทียมทัน ตาแม่ ที่แลมอง
แม้สังขาร ลาญแหลก แม่แลกได้
หวังจะให้ ลูกตน พ้นภัยผอง
แม้สูญสิ้น ดินฟ้า ธารานอง
พระคุณของ แม่ข้านี้ ย่อมมีเอย๏ เป็นผู้หญิง แท้จริง แสนลำบาก
เป็นผู้ชาย ยิ่งยาก กว่าหลายเท่า
หญิงต้อง เจียมกายา มาแต่เยาว์
ชายต้องเฝ้า วิงวอนให้ หล่อนรัก
หญิงถึงรัก ต้องแสร้ง แกล้งทำเฉย
หวังให้ชาย อยากเชย ยิ่งขึ้นหนัก
ต่างคน ต่างซัดกัน น่าขันนัก
ที่แท้ ต่างสมัคร จะรักกัน
จาก วิวาห์พระสมุท : รัชกาลที่ ๖๏ โอ้ อ้อย เอ๋ย เคย กลืน ชื่นคอหอย
หวานอร่อยรสชาติประหลาดหลาย
ข้างต้นหวานพาลจะชืดไปจืดปลาย
เหมือนหญิงชายใจจางหมางอารมณ์
เมื่อ แรก รัก น้ำ ต้ม ผัก ก็ ว่า หวาน
ครั้น เนิ่น นาน น้ำ อ้อย ก็ กร่อย ขม
เหมือนคำพาล หวานนัก มัก เป็น ลม
แ ต่ เ ข า ช ม กั น ว่ า ดี นี่ ก ร ะ ไ ร
จาก นิราศทวารวดี : หลวงจักรปราณี มหาฤกษ์๏ อย่าดูถูก บุญ ก ร ร ม ว่า ทำน้อย
น้ำตาลย้อยมากเมื่อไรได้หนักหนา
อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
ส่องดูหน้า เสียทีหนึ่ง แล้วจึง นอน
จาก ภาษิตอิศรญาน : หม่อมเจ้าอิศรญาน๏ ปากเป็นปู หูตะกร้า ตาตะแกรง
ปากไม่แพร่ง หูไม่อ้า ตาไม่เห็น
เป็น หลักธรรม นำให้ หัวใจเย็น
คนควรเป็นเช่นนั้นบ้างในบางครา
โดย วัชรางกูร : หลวงอาของกระผม lek Isara๏ อั น ส ต รี ไ ร้ ศี ล ก็ สิ้ น ส ว ย
บุ รุ ษ ด้ ว ย ไ ร้ ศี ล ก็ สิ้ น ศ รี
แ ม้ ภิ ก ษุ ไ ร้ ศี ล ก็ สิ้ น ดี
ถึ ง เ ม ธี ไ ร้ ศี ล ก็ สิ้ น ง า ม
โดย พระธรรมโกศาจารย์ : ชอบ อนุจารีเถระ๏ น้ำ ป ล า โ อ ช า ร ส
มาตร แม้น มด หมด เมือง มา
ลอง ลิ้ ม ชิ ม น้ำ ป ล า
จั ก ดู ด ดื่ ม ลื ม น้ำ ต า ล
โดย กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ : น.ม.ส๏ สักวา ห ว า น อื่ น มี ห มื่ น แ ส น
ไม่เหมือนแม้น พจมาน ที่หวานหอม
กลิ่นประเทียบ เปรียบดวงพวงพยอม
อ า จ จ ะน้อม จิต โน้ม ด้วย โลม ลม
แม้นล้อลามหนามหยาบไม่ปลาบปลื้ม
ดัง ดูด ดื่ม บ ร เ พ็ ด ต้ อ ง เ ข็ ด ข ม
ผู้ ดี ไ พ ร่ ไ ม่ ประกอบ ชอบ อารมณ์
ใ ค ร ฟั ง ล ม เ มิ น ห น้ า ระอา เอยโดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ
๏ โอ้ ! กระแส แควเดียว ทีเดียว หนอ
ม า เ กิ ด ก่ อ เ ก า ะ ถนัด สกัดหน้า
ต้องแยกคลองออกเป็นสองทางคงคา
นี่ ห รื อ ค น จ ะ มิ น่ า มี ส อ ง ใ จ
จาก นิราศพระบาท : สุนทรภู่
๏ จ ะ ดู วั ว ชั่ ว ดี ดู ที่ ห า ง
จะดูนาง ดูแม่ เ ห มื อ น แลเห็น
แม้ ลูกยาง ห่างต้น หล่น กระเด็น
ก็จะเป็น เช่นเหล่า ตาม เผ่า พันธุ์
จาก พระอภัยมณี : สุนทรภู่ลูกแม่
โดย ส.เชื้อหอม
โอ้ว่าลูกลูกลูกเอ๋ยลูกรัก
ไยผินพักตร์ผละหนีที่แม่สอน
ไยลูกแม่แปรจิตคิดตัดรอน
คำแม่วอนลูกจึงมิพึงฟัง
สิ่งใดทำให้ลูกผูกสมัคร
เห็นกงจักรเป็นดอกบัวมัวคลุ้มคลั่ง
ล้วนแต่สิ่งเหลวไหลไม่จีรัง
จงยับยั้งชั่งตนเถิดคนดี
แม่รักลูกปลูกฝังดั่งดวงจิต
ชั่วชีวิตมิคลายคิดหน่ายหนี
แม่ให้ความเมตตาและปราณี
แก่ลูกนี้เท่านั้นนิรันดร
ขอลูกจงส่งใจให้แม่บ้าง
อย่าเที่ยวสร้างปัญหามาหลอกหลอน
ควรระวังตั้งใจให้แน่นอน
อย่าแสนงอนเลยลูกจะทุกข์ตรม
รีบกลับตัวกลับใจเสียใหม่เถิด
จะบังเกิดผลดีมิขื่นขม
อนาคตสดใสไม่โสมม
โลกจะชมลูกแม่ไม่แพ้ใครอาลัยคุณแม่
อันร่มโพธิ์ร่มไทยแผ่ใบกว่าง
มาแรมร้างห่างไกลใจเศร้าหมอง
ทิ้งลูกไปไม่กลับมาน้ำตานอง
พอเหลียวมองยิ่งเศร้าเหงาอุรา
ฟ้าวันนี้สีคล้ำดำมืดมิด
ในดวงจิตลุกน้อยละห้อยหา
คุณแม่มาลาลับดับชีวา
อนิจจาทิ้งลูกทุกข์คร่ำครวญ
แม่มาพรากจากไปหัวใจเศร้า
สุดเงียบเหงายิ่งคิดจิตโหยหวน
ภาพความหลังครั้งเก่าร้าวรัญจวน
แม่มาด่วนหนีลับไม่กลับมา
ไปไม่กลับหลับไม่ตื่นฟื้นไม่ได้
มิว่าใครหนีไม่พ้นชนทั่วหล้า
การเกิดแก่เจ็บตายในโลก
เป็นธรรมดาของมนุษย์ปุถุชน
ขอกุศลผลบุญเกื้อกูลเถิด
ให้ได้เกิดเป็นลูกรักสักร้อยหน
วิญญาณแม่อยู่ไหนโปรดได้ยล
ลูกหนึ่งคนอาลัยรักและภักดีร่มโพธิ์
พระคุณแม่พันผูกลูกซึ้งค่า ไม่ร้างลาลืมเลือนเผ้าเตือนจิต
พระคุณแม่มากค่าเกินกว่าคิด แม่เป็นมิตรเสมือนเพื่อนแสนดี
แม่อุ้มสมเป็นร่มโพธิ์อันโตใหญ่ ปกป้องภัยให้ลุกทุกถิ่นที่
เมื่อลูกทุกข์แม่ปลอบใจมากไมตรี มิหน่ายหนีแม่เคียงข้างอย่างจริงใจ
จากเล็กจนเติบโตโอ้อกแม่ เผ้าดูแลคลอเคล้าเอาใจใส่
แม่รักลูกผูกลูกทุกคน ประพฤติตนกตัญญูเลี้ยงดูแล
ลูกชายหญิงทิ้งขว้างอย่างโดดเดี่ยว ไม่กราดเกรี้ยวระรานยามท่านแก่
ไม่ประชดประชนวันงอแง ไม่เชือนแชปรนนิบัติด้วยศรัทธา
จงรักแม่แน่ใจในตัวแม่ ลูกเกิดแก่เพราะแม่นี้จึงมีค่า
จงเทิดทูนแม่ไว้ไม่สร่างชา จงบูชาแม่ของเราเท่าชีวิตรวมบทกลอน
***********๏ เป็นผู้หญิง แท้จริง แสน ลำ บาก
เป็น ผู้ชาย ยิ่ง ยาก กว่า หลายเท่า
หญิง ต้อง เจียม กายา มาแต่เยาว์
ชายต้องเฝ้า วิงวอน ให้ หล่อน รัก
หญิงถึงรัก ต้องแสร้ง แกล้งทำเฉย
หวังให้ชาย อยากเชย ยิ่ง ขึ้น หนัก
ต่าง ค น ต่าง ซัด กัน น่า ขัน นัก
ที่ แท้ต่างสมัครจะรักกัน
จาก วิวาห์พระสมุท : รัชกาลที่ ๖๏ โอ้ อ้อย เอ๋ย เคย กลืน ชื่นคอหอย
หวานอร่อยรสชาติประหลาดหลาย
ข้างต้นหวานพาลจะชืดไปจืดปลาย
เหมือนหญิงชายใจจางหมางอารมณ์
เมื่อ แรก รัก น้ำ ต้ม ผัก ก็ ว่า หวาน
ครั้น เนิ่น นาน น้ำ อ้อย ก็ กร่อย ขม
เหมือนคำพาล หวานนัก มัก เป็น ลม
แต่เขาชมกันว่าดีนี่กระไร
จาก นิราศทวารวดี : หลวงจักรปราณี มหาฤกษ์
๏ อย่าดูถูก บุญ ก ร ร ม ว่า ทำน้อย
น้ำตาลย้อยมากเมื่อไรได้หนักหนา
อย่านอนเปล่าเอากระจกยกออกมา
ส่องดูหน้า เสียทีหนึ่ง แล้วจึง นอน
จาก ภาษิตอิศรญาน : หม่อมเจ้าอิศรญาน๏ ปากเป็นปู หูตะกร้า ตาตะแกรง
ปากไม่แพร่ง หูไม่อ้า ตาไม่เห็น
เป็น หลักธรรม นำให้ หัวใจเย็น
คนควรเป็นเช่นนั้นบ้างในบางครา
โดย วัชรางกูร : หลวงอาของกระผม lek Isara๏ อันสตรีไร้ศีลก็สิ้นสวย
บุรุษด้วยไร้ศีลก็สิ้นศรี
แม้ภิกษุไร้ศีลก็สิ้นดี
ถึงเมธีไร้ศีลก็สิ้นงาม
โดย พระธรรมโกศาจารย์ : ชอบ อนุจารีเถระ๏ น้ำปลาโอชารส
มาตร แม้น มด หมด เมือง มา
ลอง ลิ้ม ชิม น้ำ ปลา
จัก ดูด ดื่ม ลืม น้ำ ตาล
โดย กรมหมื่นพิทยาลงกรณ์ : น.ม.ส๏ สักวา ห ว า น อื่ น มี ห มื่ น แ ส น
ไม่เหมือนแม้น พจมาน ที่หวานหอม
กลิ่นประเทียบ เปรียบดวงพวงพยอม
อ า จ จ ะน้อม จิต โน้ม ด้วย โลม ลม
แม้นล้อลามหนามหยาบไม่ปลาบปลื้ม
ดัง ดูด ดื่ม บ ร เ พ็ ด ต้ อ ง เ ข็ ด ข ม
ผู้ ดี ไ พ ร่ ไ ม่ ประกอบ ชอบ อารมณ์
ใ ค ร ฟั ง ล ม เ มิ น ห น้ า ระอา เอย
โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ
๏ โอ้ ! กระแส แควเดียว ทีเดียว หนอ
ม า เ กิ ด ก่ อ เ ก า ะ ถนัด สกัดหน้า
ต้องแยกคลองออกเป็นสองทางคงคา
นี่ ห รื อ ค น จ ะ มิ น่ า มี ส อ ง ใ จ
จาก นิราศพระบาท : สุนทรภู่
๏ จ ะ ดู วั ว ชั่ ว ดี ดู ที่ ห า ง
จะดูนาง ดูแม่ เ ห มื อ น แลเห็น
แม้ ลูกยาง ห่างต้น หล่น กระเด็น
ก็จะเป็น เช่นเหล่า ตาม เผ่า พันธุ์
จาก พระอภัยมณี : สุนทรภู่
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเว็ปไซต์ www.kasetsomboon.org |
ข้อตกลงก่อนชมเว็ปไซต์ |
บทความบันทึกการเดินทางของเว็ปมาสเตอร์ นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา คลิ๊กอ่านได้เลยครับ มีทั้งหมดตอนนี้ 14 ตอน |