คิดได้ไง คิดโง่โง่เขียนโดย นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา วันพุธที่ 22 กรกฏาคม 2009 เวลา 20:39 ‘คิดได้ไง’ กับ ‘คิดโง่ๆ’ สมมุติว่าคุณขับรถเร็วด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไล่ตามรถไฟที่แล่นด้วยความเร็ว 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณจะมองเห็นรถไฟนั้นเคลื่อนเร็วกว่าคุณ 20 กิโลเมตรต่ชั่วโมงสมมุติว่า คุณเร่งเครื่องรถให้เร็วขึ้นเป็น 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่าความเร็วของรถไฟ คุณจะมองเห็นคนในรถไฟชัดเหมือนอยู่กับที่ตามหลักสามัญสำนึกบอกว่า คุณสามารถหักลบความเร็วของวัตถุสองสิ่งออกจากกันได้ความเร็วที่สูงที่สุดใน จักรวาล (เท่าที่มนุษย์พิสูจน์ได้) คือ ความเร็วของแสง คือ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาที นั่นคือ เมื่อคุณกดปุ่มเปิดไฟฉาย เพียงหนึ่งวินาที แสงไฟนั้นก็300,000 กิโลเมตรแล้วเอาละ สมมุติว่า คุณสามารถประดิษฐ์ยานที่แล่นด้วยความเร็ว 299,980 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งช้ากว่าความเร็วของแสง 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คุณจะพบว่า แสงนั้นยังคงเคลื่อทไปด้วยความเร็วปกติของมัน คุณไม่มีทางตามมันทันได้แต่… โอ! โน! อิมพอสสิเบิ้ล! เป็นไปไม่ได้! เอาอะไรมาพูด! นี่ฝืนหลักสามัญสำนึกเห็นๆ!แน่นอน มันฝืนหลักสามัญสำนึก แต่เป็นสิ่งที่ไอน์สไตน์ พิสูจน์มาแล้วด้วยหลัก สัมพัทธภาพพิเศษ ของเขา ซึ่งเปลี่ยนโฉมหน้าความเข้าใจเรื่องฟิสิกส์ของมนุษย์อย่างหน้ามือเป็หลัมือ คำอธิบายของปรากฏการณ์นี้คือ เมื่อคุณเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วขนาดนั้น เวลาของคุณก็จะหดสั้นลง เพราะความเร็วสัมพัทธ์กับเวลา และจักรวาลไม่ได้มีเพียงสามมิติอย่างที่เรา‘มองเห็น’ผ่านการพิสูจน์มานาน หลายปี ประโยค “โอ! โน! อิมพอสสิเบิ้ล!” ก็ค่อยๆ จางหายไป และถูกทดแทนด้วยประโยค ‘คิดได้ไง’ ยูคลิด ปรมาจารย์ด้านคณิตศาสตร์แห่งกรีกพิสูจน์ให้ชาวโลกเห็นมาเมื่อสองพันกว่าปีมา แล้วว่า มุมภายในของสามเหลี่ยมรวมกันได้เท่ากับ 180 องศา และเส้นขนานสองเส้นไม่มีวับรรจบกันอย่างเด็ดขาด มันกลายเป็นกฎทางเรขาคณิตและหลักสามัญสำนึกที่ใครๆ ก็เห็นชัดๆจนถึงศตวรรษที่ 19 นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมันนาม ไรแมนน์ ที่ศึกษามิติโค้งทางฟิสิกส์พบว่า มุมภายในของสามเหลี่ยมรวมกันได้มากกว่าหรือน้อยกว่า 180 องศาก็ได้ และเส้ขนานก็ตัดกันได้ หากสามเหลี่ยมและเส้นขนานนั้นวางบนระนาบโค้ง นั่นคือมุมภายในของสามเหลี่ยมรวมกันได้มากกว่า 180 องศาบนระนาบโค้งนูน และน้อยกว่า 180 องศาบระนาบโค้งเว้าเมื่อครั้งที่ กาลิเลโอ กลาลิเลอี บอกคนทั่วไปว่า ลูกเหล็กสองลูกที่มีมวลไม่เท่ากันจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ทุกคนหัวเราะเยาะเขา บอกว่า ‘เป็นความคิดที่โง่เง่าอะไรเช่นนั้น’ เพรมัฝืหลักสามัญสำนึกอย่างเห็นได้ชัดทว่าไม่มีอะไรหลอกตาเราเท่ากับสามัญ สำนึกของมนุษย์สามัญสำนึกของคนเราเกิดขึ้นเมื่อเราพบเห็นปรากฏการณ์ที่มอง เห็นด้วยสายตาจนเกิดความเคยชิน หรือเราค้นพบความรู้บางอย่างและพิสูจน์จนมันกลายเป็นกฎ เมื่อนั้นก็ไมมใคกล้ท้าทายกฎเหล่านั้นยิ่งยึดมั่นถือมั่นกับกฎเหล่านั้น เท่าไร ก็จะไม่กล้ามองมุมต่าง และไม่มีวันสลัดหลุดออกจากกรอบความคิดเดิมนั้นมนุษย์เกิดมาในโลกสามมิติ กว้าง x ยาว x สูง เราเคยชินกับสภาวะนี้จนเราไม่กล้าคิดอะไรที่แตกต่างออกไป เช่น เป็นไปได้ไหมที่เราอยู่ในโลกที่มีมิติมากกว่า 3 เพียงแต่เรามไเห็นมิติอื่นที่เหนือกว่านั้น? เป็นไปได้ไหมที่สิ่งมีชีวิตบนโลกเราหายใจด้วยก๊าซชนิดอื่นที่ไม่ใช่ ออกซิเจน? ในโลกของการสร้างสรรค์ ไม่ว่าในทางศิลปะหรือวิทยาศาสตร์ คุณจะไม่มีทางค้นพบสิ่งใหม่ๆ หากไม่กล้าละวาง กฎ กติกา และสามัญสำนึกลงเสียก่อน นวัตกรรมทั้งหลายในโลล้เกิดจากการมองมุมต่างทั้งสิ้นเสียงหัวเราะเยาะกับคำ ว่า “คิดโง่ๆ” และ “เป็นไปไม่ได้” ปิดกั้นการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ มามากต่อมากแล้ว ‘สามัญสำนึก’ ก็ฆ่าความคิดสร้างสรรค์มาทุกยุคทุกสมัยแต่หากอยากก้าวไปสู่มรรคาใหม่ ก็ต้องรู้จักคิดต่าง และกล้าคิดต่าง
‘คิดได้ไง’ เกิดขึ้นได้เสมอเมื่อคุณกล้า ‘คิดโง่ๆ’ วินทร์ เลียววาริณ คมคำคนคม Common sense is the collection of prejudices acquired by age eighteen. |
|
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเว็ปไซต์ www.kasetsomboon.org |
ข้อตกลงก่อนชมเว็ปไซต์ |
บทความบันทึกการเดินทางของเว็ปมาสเตอร์ นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา คลิ๊กอ่านได้เลยครับ มีทั้งหมดตอนนี้ 14 ตอน |