![]() |
|
โดย. อ.ผดุง ประวัง ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลเวียง |
|
ปริศนาธรรมจากพระนั่งดิน “แม้พระเจ้ายังนั่งดินแล้วคนเล่าไฉนยังหลงมัวเมากิเลสตัณหากันอยู่ทำไม? “
“พระเจ้านั่งดิน” หรือ พระนั่งดิน ประดิษฐานอยู่ที่วัดพระนั่งดิน ต.เวียง อ.เชียงคำ จ.พะเยา เป็นพระพุทธรูปที่แปลกแตกต่างจากพระพุทธรูปองค์อื่นๆ มิใช่แปลกเพราะรูปพรรณสันฐานหรือแปลกปาง แต่แปลกเพราะเป็นองค์พระประธานของวัดแต่องค์พระไม่ได้ประดิษฐานบนฐานชุกชี หรือ ฐานพระประธานที่ชาวล้านนาเรียกว่าแท่นแก้วรองรับเหมือนกับพระประธานองค์ อื่นๆ แต่ได้ประดิษฐานอยู่บนพื้นดิน และนั่นจึงเป็นที่มาของชื่อ “พระเจ้านั่งดิน” มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานสืบกันมาว่าเคยมีชาวบ้านได้พากันสร้างฐานชุกชีแล้ว ได้อัญเชิญพระเจ้านั่งดินขึ้นประทับ 3 ครั้ง แต่ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ฟ้าได้ผ่าลงมาที่กลางพระวิหารถึง 3 ครา คล้ายเป็นนิมิตว่า พระพุทธรูปองค์นี้ไม่อยากประดิษฐานบนแท่นแก้ว พุทธบริษัททั้งหลายจึงอาราธนาพระเจ้านั่งดินมาประดิษฐานบนพื้นดินดังเดิม ตราบจนทุกวันนี้ ตามตำนานปรัมปราเล่าว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้ายังมีพระชนม์ชีพอยู่ได้เสด็จออกโปรดเมตตาสรรพสัตว์ โดยทั่วทางอภินิหารจนพระองค์ได้เสด็จมาถึงเขตเวียงพุทธรสะ (อำเภอเชียงคำในปัจจุบัน) พระพุทธองค์ได้ประทับอยู่บนดอยสิงกุตตระ (พระธาตุดอยคำในปัจจุบัน) ทรงแผ่เมตตาประสาทพรตรัสให้พระยาคำแดงเจ้าเมืองพุทธรสะในขณะนั้นสร้างรูป เหมือนพระองค์ไว้ยังเมืองพุทธรสะแห่งนี้ ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ทรงตรัสจบก็ปรากฏว่าได้มีพระอินทร์หนึ่งองค์ พระยานาคหนึ่งตน ฤาษีสององค์ และพระอรหันต์สี่รูป ช่วยกันเนรมิตเอาดินศักดิ์สิทธิ์จากเมืองลังกาทวีปมาสร้างรูปเหมือนเป็นเวลา 1 เดือนกับอีก 7 วัน จึงแล้วเสร็จ ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ได้โปรดสัตว์ทั่วล้านนาแล้ว จึงเสด็จเข้าสู่เมืองพุทธรสะอีกครั้ง ทรงเห็นรูปเหมือนที่โปรดให้สร้างขึ้นนั้นเล็กกว่าองค์ตถาคต พระพุทธองค์จึงตรัสให้เอาดินมาเสริมให้ใหญ่เท่าพระพุทธองค์ๆจึงได้แผ่รัศมี ออกครอบจักรวาล รูปปั้นจำลองได้เลื่อนลงจากฐานชุกชี(แท่น) มากราบไหว้พระพุทธองค์ๆตรัสกับรูปเหมือนพระพุทธองค์ที่ได้สร้างขึ้นนั้นว่า “ขอให้ท่านจงอยู่รักษาศาสนาของกูตถาคตให้ครบ 5,000 พระพรรษา” พระรูปเหมือนจึงได้น้อมรับเอาแล้วประดิษฐานอยู่ ณ พื้นดินที่นั้นสืบมา ด้วยเหตุนี้พุทธบริษัทจึงหมายเอาชื่อพระรูปเหมือนของพระพุทธองค์ว่า พระเจ้านั่งดิน แต่การสร้างพระพุทธรูป และสร้างเรื่องว่าพระพุทธรูปนั้นต้องนั่งบนดิน ไม่นั่งบนแท่นแก้วซึ่งเปรียบเสมือนพระราชอาสน์ของสมเด็จพระจักรพรรดิ เพื่อรักษาจรรโลงพระพุทธศาสนาให้ครบ 5,000 ปีนั้น น่าจะเป็นการสร้างปาฏิหาริย์เสริมกุศโลบายอันแยบยลที่จะสอนชนรุ่นหลังให้รับ รู้ว่า พระพุทธศาสนาจะคงอยู่ก็ด้วยการปฏิบัติบูชา ดังพระพุทธเจ้าที่ทรงประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานกลางดิน ไม่ใช่การสร้างศาสนวัตถุและศาสนสถานให้ใหญ่โตโอ่โถง แต่ไม่มีผู้ปฏิบัติศาสนธรรม มัวแต่หลงระเริงไปกับโลกียสุข หากเป็นดังนี้ ศาสนธรรมแห่งพุทธศาสนาคงจะล่มสลายลงนั่นเอง
ดังนั้นเมื่อท่านไม่มีโอกาสเคารพกราบไหว้พระเจ้านั่งดินทางกาย ก็สามารถกราบไหว้ปฏิบัติบูชาทางวาจา และทางใจได้เพราะ หากเราสำนึกอยู่เสมอว่าแม้พระพุทธองค์ผู้ทรงเป็นศาสดาแห่งพุทธศาสนายังทรง ประทับอยู่กับพื้นดินตลอดพระชนม์ชีพ แล้วเราซึ่งเป็นพุทธมามกะรุ่นหลังจะประพฤติตนฟุ้งเฟ้อเห่อเหิมไปกับโลกวัตถุ นิยมไปได้อย่างไร เราควรสำรวจและสำรวมกาย วาจา ใจ ของเราให้อ่อนน้อมถ่อมตน ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และควรคิดอยู่ในใจเสมอว่า แม้พระเจ้ายังนั่งดิน แล้วคนเล่าไฉนยังหลงมัวเมากิเลสตัณหากันอยู่ทำไม ? |
|
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง คลิ๊กตามหัวข้อได้เลยครับ
|
|
|
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเว็ปไซต์ www.kasetsomboon.org |
ข้อตกลงก่อนชมเว็ปไซต์ |
บทความบันทึกการเดินทางของเว็ปมาสเตอร์ นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา คลิ๊กอ่านได้เลยครับ มีทั้งหมดตอนนี้ 14 ตอน |