กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีแม่ลูกคู่หนึ่งทำนากันเพียงสองคน โดยที่ลูกชายเป็นคนที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาอันแรงกล้า โดยความคิดของเขาคือ อยากพบพระอรหันต์ จริงๆ สักครั้งหนึ่ง จนมาได้ยินชาวบ้านพูดกันว่ามีพระอรหันต์รูปหนึ่งมาธุดงค์ที่เขาทางตอนเหนือ ห่างจากนี่ไปประมาณไม่กี่กิโลเมตร ชายคนนั้นก็ขอแม่ไปหาพระรูปนั้นทันที จนกระทั่งมายังเขาลูกนั้นก็ทำการตามหาพระอรหันต์รูปนั้นทันทีก็ไปพบตาลุง แก่ๆ คนหนึ่งจึงตรงไปถามว่าเห็นพระรูปหนึ่งไหม แต่ลุงนั้นก็ปฏิเสธ ว่าไม่พบใครเลย ชายคนนั้นจึงแจ้งความประสงค์ในการมาให้ลุงแก่ฟัง ลุงจึงบอกว่า ที่นี่ไม่มีหรอกพระอรหันต์อะไรนะ โดยชี้ว่า ถ้าอยากเจอให้ไปตามทางนี้ จึงเขียนแผนผังให้ชายหนุ่มนั้น โดยให้เดินไปทิศใต้ จากนั้นจะพบคนที่เป็นพระอรหันต์นะจะเป็นคนที่ซึ่งสังเกตุง่ายๆ คือใส่เสื้อผ้าและรองเท้าสลับข้างกัน ชายหนุ่มนั้น จึงเดินตามแผนที่เขียนทุกประการ จนกลับมาที่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่คุ้นมาก ฝ่ายมารดาหนุ่มคนนั้น พอได้ยินเสียง ก็คิดว่า คงเป็นลูกชายที่กลับมาแน่ๆ จึงรีบออกมาต้อนรับ ซึ่งเป็นเวลาดึกมากและประกอบกับดีใจ จึงทำให้แม่ของหนุ่มคนนั้นใส่เสื้อสลับหน้าหลัง และรีบสวมรองเท้าจนใส่กลับข้าง มารับลูกชาย พอชายหนุ่มคนนั้น เห็นแม่มารับและเห็นเห็นการแต่งตัวของแม่ก็นั่งคุกเข่าร้องไห้ แบบเด็กทารกทันที เพราะนี่แหละ คือ พระอรหันต์ที่เขาใฝ่หาอยากพบอยากเห็นมาตลอดนั่นเอง
นิทานเรื่องนี้ ..สอนได้เรื่องเดียวเลยคือ บางครั้ง คนเราจะใฝ่หาและนึกถึงแต่คนที่เรารักคนที่เราต้องการโดยที่เราไม่ได้คิดเลย ว่า คนที่อยู่ข้างหลังเรานั้นเป็นคนที่เราควรรักและบูชารักมากที่สุดเหนืออื่นใด แล้ว และจะเป็นคนที่เราดีใจก็จะดีใจไปกับเราหรือเสียใจก็พร้อมเศร้าใจไปพร้อมเรา เช่นกัน…. |