****** Love is to forgive, not to forget ******
นี่ คือคำพูดที่พระเอก Woody Harrelson พูดกับนางเอก Demi Moore ในหนังเรื่องIndecent proposal ซึ่งเป็นคำพูดที่ประทับใจผมจนถึงทุกวันนี้และผมจะนึกถึงทุกครั้งเวลาที่ผมมี ปัญหาทะเลาะกับภรรยามันทำให้ผมยอมง้อเธอก่อนเสมอ ไม่ว่าเธอจะถูกหรือผิดผมคิดว่าในเมื่อคนเราอยู่ด้วยกันแล้วก็ควรจะยอมรับและ ยอมให้อภัยกันได้ในทุกๆเรื่อง (ย้ำ)……”…. ผมในฐานะผู้ชายเข้าใจเป็นอย่างดีเรื่องการถูกทำร้าย ความไว้เนื้อเชื่อใจมันเจ็บปวดขนาดไหนผมเคยประสบมากับตัวเองกับภรรยาคน ปัจจุบันผมเคยถามเธอว่าเธอเคยผ่านผู้ชายมาหรือเปล่าเป็นการถามเล่นๆไม่ได้ ติดใจอะไรเพราะผมไม่ถือเรื่องนี้ผมโตเมืองนอกครับเลยถือเป็นธรรมดาที่ถามก็ เพราะอยากรู้ว่าหญิงไทยยังคงเป็นแบบสมัยก่อนหรือสมัยใหม่เธอก็ตอบตามตรงว่า เคย และถามว่าผมจะยังรักเธอไหมผมก็หัวเราะและตอบว่ามันเกี่ยวกับรักด้วยหรือรัก ก็รักเหมือนเดิมสิไม่เห็นแปลกเลย ถามเล่นๆ อย่าไปซีเรียส แล้วเราก็แต่งงานกัน 2 ปีผ่านมาผมก็ได้พบความจริงบางอย่างที่ทำให้ผมถึงกับต้องลาออกจากงานและไปบวช เลยเธอเคยทำแท้งครับ ผมเพิ่งทราบจริงๆ เธอไม่เคยบอกเลยผมก็ไม่เคยติดใจสงสัยอะไร แม้เธอจะไม่ได้โกหกผมเหมือนอย่างที่แฟนคุณโกหกและเธอปิดบังผม ที่ผมรู้เพราะมีครั้งหนึ่งที่ผมดีใจนึกว่าเธอท้องเลยพาไปตรวจครรภ์หมอก็คุย เรื่อยเปื่อยว่ายังไม่ท้องหรอก และมีประโยคหนึ่งที่ผมสะดุดคือหมอพูดว่า”ดีแล้วที่สงสัยว่าจะท้องแล้วรีบพา มาตรวจเพราะมดลูกที่เคยผ่านการบำบัดพิเศษมาแล้ว หากท้องอีกอาจเป็นอันตรายเพราะเสี่ยงกับทั้งแม่และเด็กมากๆถ้าท้องก็รีบพามา ตรวจ รับรองว่าหมอจะดูแลเป็นพิเศษเพราะหากแม่และเด็กได้รับการดูแลภายใต้แพทย์ อย่างสม่ำเสมอก็จะไม่มีปัญหา(หมอท่านนี้ไม่ทราบอะไรมาก่อนครับ เพราะพึ่งมาตรวจกันครั้งแรกตามคำแนะนำผู้ใหญ่หมออาจจะเดาเอาว่าผมรู้แล้ว) ผมก็งงๆทีแรกนึกว่าเธออาจเคยประสบอุบัติเหตุกระเทือนต่อมดลูกหรืออาจเคยเป็น เนื้องอกแล้วผ่าตัด ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ก็เลยถามภรรยาระหว่างขับรถกลับบ้านว่า”มดลูกเคยมีปัญหาใช่ไหม” ผมถามเพราะห่วงนะครับ ไม่ได้สงสัยอะไรเลยแต่เธอตกใจทันทีและร้องไห้ออกมา ขอโทษขอโพยที่ปิดบังมาตลอดและเล่าเรื่องทั้งหมด(เธอคงนึกว่าผมรู้แล้วและมา ถามเอาเรื่อง) ผมก็อึ้งเลยครับ
2 ปีที่ผ่านมานี่ผมเป็นควายหรืออย่างไร นี่มันเกิดอะไรขึ้นเธอบอกว่าสมัยเรียนเมืองนอกเธอเคยมีเพื่อชายชาวญี่ปุ่น และอยู่ด้วยกัน(ซึ่งอันนี้ผมรู้แล้วและไม่ถือครับ) ต่อมาก็ห่างๆ กันไปเธอมารู้ตัวว่าท้องก็หลังจากเพื่อนชายคนนั้นกลับประเทศไปแล้วเธอไม่รู้ จะทำอย่างไรจึงขอ Drop เรียน และย้ายเมืองเพื่อไม่ให้ใครรู้และไปทำแท้งที่ต่างเมือง แล้วจึงกลับมาเรียนต่อ
คนรอบข้างก็ไม่มีใครสงสัยเพราะเธอบอกว่าย้าย ไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบ Thesis จะมีก็แต่ครอบครัวเท่านั้นที่รู้เพราะแม่บินตามมาเฝ้าพยาบาลเธอด้วยกลับมา ถึงบ้านเธอก็ร้องไห้อ้อนวอนขอโทษถึงกับกอดแข้งกอดขากราบเท้าอย่าให้เราแยก กัน ผมในตอนนั้นหัวมันตื้อเพราะช็อกก็ไม่ได้ยินอะไรเลยจำได้แค่ว่าตัวลอยๆ เดินไปเก็บเสื้อผ้าและขับรถออกจากบ้านไปผมไม่รู้จะไปไหนก็เลยติดต่อเพื่อน ที่อยู่แถบอีสานขอพักด้วยสักระยะเพื่อนก็ตกลงเพราะเห็นว่าผมคงมีทุกข์มาและ ก็ไม่ว่าไม่ถามอะไรผมเลยจัดแจงลาออกจากงานและไปอาศัยบ้านเพื่อนครับสักพักผม ก็ทนไม่ได้ครับเลยไปบวช ที่วัดแถวๆ นั้นเพื่อนก็ถามว่าแล้วทางบ้านทางภรรยารู้หรือเปล่าว่าจะบวชผมก็บอกว่ามี ปัญหากันนิดหน่อยแต่ทางนั้นทราบแล้วว่าผมอยู่ที่นี่ (จริงๆ ผมไม่ได้บอกใครเลยครับ) เวลาผ่านไป ผมก็เริ่มสงบลง เมียผมและครอบครัวผมคงทราบจากเพื่อนว่าผมมาบวชอยู่ที่นี่ก็ตามมาโน้มน้าวให้ กลับบ้านแม่ก็มาขอร้อง แต่ตอนนั้นผมต้องการสงบครับผมก็ตอบว่าถึงเวลาจะกลับไปจัดการทุกอย่างเอง ขออย่าให้ทุกคนเป็นห่วงเมียผมเองก็เพียรอ้อนวอนจนอ่อนใจ และทำใจจึงกลับไป ผมบวชเรียนอยู่เกือบปีอยู่มาวันนึงเจ้าอาวาสก็เรียกเข้าไปคุยว่า “เมื่อยามมีทุกข์ก็ได้มาผ่อนทุกข์ของตนเองแล้วบัดนี้เห็นว่าสงบลงและมีสติ ขึ้นมาก คุณจะเห็นควรกลับไปบรรเทาทุกข์ให้คนข้างหลังหรือไมอาตมาไม่ได้ขับไล่เพียง แต่แนะนำ สุดแล้วแต่การตัดสินใจเถิด”ผมเองก็มีสติขึ้นจากการบวชว่าผมหลบมาคนเดียวนี่ ผมปลงทุกข์ของตนแล้วแต่คนข้างหลังคงยังมีทุกข์ ผมเลยสึกครับพอสึกแล้วก็พักอยู่บ้านเพื่ออีก 2-3 วัน นั่งสมาธิทุกคืน เมื่อมีสติก็คิดถึงเหตุการณ์ต่างๆได้ชัดเจนครับว่าเธอเป็นภรรยาที่ดีของผมมา ตลอดไม่เคยบกพร่องเป็นห่วงเป็นใย ช่วยเหลือ ตั้งแต่สมัยเป็นแฟนเคยดีอย่างไรแต่งแล้วก้ยังดีเหมือนเดิมทุกประการ ผมเลยกลับบ้านครับ ก็หวั่นๆอยู่ว่าเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง และจะพร้อมกลับมาเหมือนเดิมหรือไม่เมื่อถึงบ้านและพบเธอ เธอดูซูบไปมาก ใบหน้าหมองคล้ำเธอไม่แสดงอาการอะไรนอกจากถามผมเหมือนทุกครั้งที่ผมกลับบ้าน ว่า เหนื่อยไหมหิวหรือยัง จะอาบน้ำก่อนหรือทานข้าวก่อน เธอเตรียมกับข้าวไว้แล้ว(ผมมารู้ทีหลังว่าตั้งแต่ผมจากไป เธอยังคงทำกับข้าวรอผมทุกวันเพราะเผื่อวันใดผมกลับมาจะได้มีอาหารพร้อมไม่ ต้องนั่งหิวรอ) ผมน้ำตาไหลเลยครับ พูดไม่ออก คว้าเธอมากอดและขอโทษ ครั้งนี้ผมลงกราบเท้าขอโทษเธอเหมือนครั้งที่เธอเคยกราบอ้อนวอนผมมาก่อนเพราะ ผมรู้สึกว่าผมทำร้ายของล้ำค่าของผมได้อย่างไร
ผมปล่อยให้เธอจมอยู่ กับความทุกข์ทรมานอยู่คนเดียวโดยผมหนีไปหาความสงบคนเดียวได้อย่างไร ผมเป็นสามีที่เห็นแก่ตัวมากๆ เธอไม่โกรธเลย ยิ้มรับผมเราต่างกอดกันร้องไห้ทั้งคืนโดยไม่พูดอะไรเลยมันสื่อกันด้วยความ รู้สึกนะครับไม่มีคำต่อว่าจากปากเธอแม้แต่คำเดียว ไม่มีใครพูดถึงเรื่องที่ผ่านมาตอนนี้เราก็กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วครับ เรื่องนี้ผ่านมาประมาณ 4 ปีแล้วตอนนี้เธอท้องแล้วครับ ผมอัลตร้าซาวด์แล้ว ผมกำลังจะมีลูกชายครับ
ผมดีใจมากและทุกวันนี้ก็ภูมิใจมากที่มีศรี ภรรยาคนนี้มาเป็นแม่ของเจ้าตังค์ (แอบตั้งชื่อไว้ก่อนน่ะครับ แบบว่าเห่อ) เราสองคนไม่มีใครรื้อฟื้นเรื่องนั้นอีกเลยมีเพียงแต่ว่าทุกสัปดาห์จะไปวัด ด้วยกันและทำบุญตักบาตรแผ่เมตตาให้แก่ลูกคนแรกของเธอครับผมเล่ามานี่ก็เพื่อ อยากให้คุณคิดได้และเข้าใจว่าหลังพายุถ้าเราผ่านมันไปได้ หลังจากนั้นก็คือท้องฟ้าที่สงบและสดใสผมไม่สามารถรับรองได้ว่าทุกท่านจะโชค ดีเหมือนอย่างคู่ผมแต่ผมขออวยพร
ผมมั่นใจว่าวันหนึ่งทุกคนต้องผ่านพ้นความทุกข์ไปได้และพบกับสิ่งดีงามครับ
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเว็ปไซต์ www.kasetsomboon.org |
ข้อตกลงก่อนชมเว็ปไซต์ |
บทความบันทึกการเดินทางของเว็ปมาสเตอร์ นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา คลิ๊กอ่านได้เลยครับ มีทั้งหมดตอนนี้ 14 ตอน |