หันไปทางไหนตอนนี้ก็มีแต่คนกำลังไดเอทกันทั้งนั้น…เข้าใจค่ะว่าการตุ้ยนุ้ยเกินไป นั้นเป็นบ่อเกิดของโรคต่าง ๆ มากมาย แต่ก็อย่าลืมว่าการที่คุณไดเอทจนเกินพอดีไปนั้นบางทีก็อาจส่งผลเสียได้มาก เช่นกัน อย่างการไดเอทด้วยการควบคุมอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตจากวิธียอดนิยม Atkins diet (จากการประมาณพบว่าประชากรจำนวน 3 ล้านคนในประเทศอังกฤษ นิยมบริโภคอาหารแอตคิน) นั้นแม้จะสามารถทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้ แต่ก็มีผลทำให้อารมณ์ของคุณไม่ดีไปด้วย
งานวิจัยของเวิร์ตแมนและคณะ ได้แสดงให้เห็นว่าการขาดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตทำให้หยุดการสร้างฮอร์โมนเซ โรโทนินที่ถูกควบคุมโดยสมอง ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้เป็นสารเคมีที่มีผลต่ออารมณ์และช่วยยับยั้งความอยากอาหาร โดยการสร้างเซโรโทนินนี้จะเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อรับประทานคาร์โบไฮเดรตจาก ธรรมชาติเท่านั้น โดยเวิร์ตแมนให้ความเห็นว่า “เมื่อเซโรโทนินถูกสร้างขึ้น และเปลี่ยนเป็นสารที่มีประสิทธิภาพในสมองนั้น จะมีผลต่อความอยากอาหาร ทำให้รู้สึกอิ่มก่อนที่กระเพาะอาหารจะได้รับอาหารทั้งหมด และกระเพาะอาหารก็จะเกิดการขยายตัว โดยผลของเซโรโทนินนี้มีความสำคัญทั้งในการควบคุมเรื่องความเจริญอาหารและควบ คุมไม่ให้ร่างกายรับประทานอาหารมากเกินไป รวมทั้งยังมีความสำคัญในการควบคุมอารมณ์ด้วย
นอกจากนี้คณะผู้วิจัย จากสถาบันเอ็มไอทียังได้ค้นพบว่าสมองสามารถสร้างสารเซโรโทนินได้ภายหลังจาก การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและควรมีปริมาณโปรตีนอยู่เพียงเล็กน้อย หรือไม่มีเลย จึงสามารถอธิบายได้ว่าทำไมคนเราจึงยังคงมีความรู้สึหิวแม้จะได้ทานเนื้อ สเต็กชิ้นใหญ่แล้วก็ตาม แสดงให้เห็นว่าแม้กระเพาะอาหารจะมีอาหารอยู่ภายในจนเต็มกระเพาะแต่สมองไม่ สามารถสร้างเซโรโทนินได้เพียงพอที่จะทำให้ร่งกายเกิดความรู้สึกอิ่ม
โดย ทั่วไปแล้วจะพบว่าผู้หญิงส่วนใหญ่จะมีเซโรโทนินในสมองน้อยกว่าผู้ชาย ดังนั้นการที่ผู้หญิงรับประทานอาหารที่มีผลทำให้ปริมาณเซโรโทนินลดลงไปกว่า เดิมก็ยิ่งทำให้ผู้หญิงรู้สึกไม่สบายตัวเท่าไหร่นัก ซึ่งจากเหตุดังกล่าว ถ้าผู้บริโภคคาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนไปรับประทานโปรตีนแทน เขาจะกลายเป็นคนอารมณ์ร้ายขี้รำคาญอารมณ์ไม่ดี กระสับกระส่าย และไม่อยู่นิ่ง แต่ถ้าเปลี่ยนไปรับประทานอาหารไขมันแทน เช่น เบคอน เนยแข็ง ก็จะทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อย เซื่องซึมไม่สนใจ และเฉื่อยชาแทน
ฉะนั้นถ้าคุณอยากเป็นคนลดน้ำหนักที่อารมณ์ดีด้วยละก็ การรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่คือวิธีที่ดีที่สุดค่ะ…