ลาไม่โง่เขียนโดย นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา วันจันทร์ที่ 02 พฤษภาคม 2011 เวลา 01:38 นิทานเซน : ลา (ไม่) โง่ ที่จริงลานั้นไม่โง่เลย ในธรรมชาติในทุ่งหญ้าที่ม้าลาปนเปอยู่ด้วยกันเป็นฝูง ผู้น าฝูงจะต้องเป็นลาเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ตัวมันเล็กกว่า แต่มีความสามารถมีความแข็งแรงกว่าม้ามากนัก ทั้งยังมีความสามารถเรียนรู้ได้เร็ว ตำนานโบราณของนักเดินทางจึงมีเรื่องของลากับมูเลาะห์ นัสรูดิน คนที่เหมือนกับลา มีความโง่ที่ฉลาดหลักแหลม เพียงแต่ว่าค่อนข้างจะไม่ค่อยมีจังหวะจะโคน นิทานของลากับนัสรูดินนั้นมีหลายตอน เป็นทั้งปรัชญาธรรมชาติและเป็นภูมิปัญญาโบราณ ซึ่งบางทีก็ต้องอ่านซ้ำหลายครั้งถึงจะเข้าใจ นัสรูดินนั้นเรียนรู้โลกและความจริงทางโลกจากลา และลาก็เรียนรู้โลกของลาจากนัสรูดิน ดังนิทานที่เล่าถึงการเดินทางไปค้าขายของนัสรูดินที่ต้องเดินทางข้ามแม่น้ำ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่นัสรูดินนำเกลือไปขายที่เมืองจีน เขาได้นำเกลือจำนวนมากใส่กระสอบแล้วผูกกระสอบเกลือบรรทุกไว้บนหลังลา จนมันหลังแอ่นเดินแทบไม่ไหว ระหว่างเดินทางข้ามแม่น้ำที่ค่อนข้างกว้างสายหนึ่ง เกลือที่บรรทุกอยู่บนหลังลาที่เปียกชุ่มน้ำตลอดทาง ก็ค่อย ๆ ละลจนเกือบหมด เมื่อถึงฝั่งตรงกันข้ามลามันก็รู้สึกว่าน้ำหนักที่แบกมาจนหลังแอ่นนั้นอยู่ ๆ ก็หายไป มันก็ดีใจวิ่งไปมารอบ ๆ นัสรูดินเป็นวงกลม พร้อมกับส่งเสียงร้องดัง ๆจนนัสรูดินทั้งอายทั้งโกรธตัวเอง และพาลไปโกรธลาด้วย คิดในใจว่า “เออ ดีแล้ว ทีใครทีมัน… วันหน้าจะได้เห็นกัน”ในการเดินทางไปค้าขายในคราวต่อมา นัสรูดินก็ขนเอาฝ้ายมัดใหญ่บรรทุกบนหลังลาจนหลังแอ่นแทบเดินไม่ไหวอีกพอทั้ง ลากับคนเดินทางมาถึงแม่น้ำและข้ามน้ำไปได้สักครู่ น้ำหนักของฝ้ายอมน้ำก็ทวีเพิ่มมากขึ้นจนลาแทบจะจมน้ำตาย นัสรูดินต้องคอยช่วยกว่าลาจะข้ามแม่น้ำและขึ้นฝั่งมาได้ ก็เหนื่อยกันทั้งคนทั้งสัตว์ เมื่อขึ้นมาได้นัสรูดินก็หัวเราะและ พูดกับลาว่า”นั่นแหละที่จะสอนให้เจ้ารู้ว่า การเดินทางข้ามแม่น้ำแต่ละครั้งได้สอนอะไรให้เรียนรู้บ้าง เห็นไหมว่าทุกครั้งที่เจ้าข้ามแม่น้ำ เจ้าย่อมได้เรียนสิ่งใหม่เสมอ อย่าโทษข้า แต่ต้องขอบใจถึงจะถูก”และลาก็เรียนรู้จริง ๆ จนต่อมาใคร ๆ ก็รู้และกล่าวขานกันทั่วว่า นัสรูดินมีลาที่นอกจากจะไม่โง่แล้วยังชาญฉลาดยิ่งนักหลังจากนั้นอีกนานต่อมา มีสหายที่สนิทสนมกับนัสรูดินมากคนหนึ่งแวะมาหาเพื่อขอยืมลาที่ฉลาดตัวนั้น สักครั้งโชคไม่ดีที่นัสรูดินได้ข่าวล่วงหน้าก็เลยเอาลาไปล่ามและขังไว้ใน ห้องที่หลังบ้านดังนั้นเมื่อสหายของเขามาถึงที่พักของนัสรูดินก็แปลกใจที่ ไม่เห็นลาที่ปกติจะพบยืนกินหญ้าอยู่ที่ทุ่งหน้าที่พัก สหายของนัสรูดินจึงถามว่า “ข้าตั้งใจมาขอยืมลาของท่านไปท างานสักสองสามวัน แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันไปอยู่เสียที่ไหน ข้าถึงไม่เห็นมัน”นัสรูดินท าหน้าเหมือนกับว่าเห็นใจที่เพื่อนต้องมาเสียเที่ยวเปล่า ๆ เขาตอบว่า”ข้าเสียใจจริง ๆ ตอนนี้ข้าไม่มีลาเสียแล้ว”ทันทีที่นัสรูดินพูดจบเสียงร้องของลาก็ดังลั่น ขึ้นมา ก็รู้อยู่แล้วว่าลานั้นมันร้องดังแค่ไหนสหายของนัสรูดินจึงพูดออกมาด้วยความ โกรธว่า “แล้วนั่นเสียงอะไร ไม่ใช่เสียงร้องของลาดอกหรือ ท่านไม่น่าพูดปดว่าไม่มีลาอีกแล้ว จะไม่ให้ข้ายืมลาก็น่าจะบอกกันตรง ๆ ก็ได้”นัสรูดินหันหน้ามาหาสหาย แล้วก็พูดถามขึ้นอย่างช้า ๆ ว่า”แล้วระหว่างข้ากับกับลาของข้า – ท่านจะเชื่อใครกันล่ะ ? “แล้วคุณจะเชื่อใคร ? ทำให้ระลึกถึงค าตอบที่พระพุทธเจ้าบอกแก่สานุศิษย์ของพระองค์ว่า อย่าเชื่อผู้หนึ่งผู้ใด อย่าเชื่อตามที่เขาเล่ามา อย่าเชื่อคัมภีร์หรือแม้แต่เชื่อสมณะที่เป็นครูของตนบอกเช่นนั้น แต่ต้องติดตามแสวงหาประสบการณ์ด้วยตนเอง คิดวิเคราะห์ด้วยตนเอง ตัวเองเท่านั้นที่เป็นสรณะที่พึ่ง ไม่ใช่พึ่งผู้อื่นหรือพึ่งระบบหนึ่งระบบใด คัดลอกจาก http://www.dharma-gateway.com/ |
|
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเว็ปไซต์ www.kasetsomboon.org |
ข้อตกลงก่อนชมเว็ปไซต์ |
บทความบันทึกการเดินทางของเว็ปมาสเตอร์ นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา คลิ๊กอ่านได้เลยครับ มีทั้งหมดตอนนี้ 14 ตอน |