การสวดสังคหะไม่ปรากฏหลักฐานว่า เริ่มมีการปฏิบัติในหมู่ชาวบ้านล้านนามาแต่เดิม หรือรับมาตั้งแต่เมื่อใด การสวดสังคหะคือพิธีปัดรังควาน เพื่อให้บ้านเรือนสะอาดหมดมลทิน ขับไล่สิ่งชั่วร้ายต่างๆ ออกจากบ้าน แต่เหตุผลประการสำคัญ คือ เป็นการป้องกันผีผู้ตายกลับมาหลอกหลอนการทำพิธีสวดสังคหะนั้น กระทำหลังจากกลับจากป่าช้าแล้ว โดยพระสงฆ์ 4 รูป ประพรมน้ำมนต์ (ด้วยใบหนาด ใบหนาม ซึ่งเชื่อว่าผีกลัว) ให้คนและบ้าน และผูกข้อมือเจ้าบ้านและญาติทั้งหลาย นอกจากการสวดสังคหะแล้ว ยังมีการทำบุญอุทิศให้ผู้ตายอีกหลายครั้งการสืบชะตาบ้าน มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความเป็นสิริมงคลให้แก่หมู่บ้าน โดยจะประกอบพิธีกรรมที่หอเสื้อบ้านหรือศาลากลางบ้านอันเป็นศูนย์รวมในการประกอบพิธีของหมู่บ้าน
ก่อนวันประกอบพิธี ชาวบ้านจะช่วยกันประดับตกแต่งหอเสื้อบ้าน หรือศาลากลางบ้านให้สวยงาม ทำความสะอาดบริเวณรอบ ๆ แล้วจัดราชวัตร ปักฉัตร และธงทิว ใช้ต้นกล้วย ต้นอ้อย ประดับโดยรอบ วงด้ายสายสิญจน์รอบบริเวณพิธี ทำแท่นบูชาท้าวทั้งสี่และเทพารักษ์ในบริเวณนั้นมีสิ่งของที่นำมาประกอบพิธี ได้แก่ ข้าว พริกแห้ง เกลือ ขนม ข้ามต้ม ดอกไม้ ธูปเทียน หมาก พลู บุหรี่ เมี่ยง ซึ่งได้มาจากการบริจาคของชาวบ้าน
ในวันประกอบพิธี จะมีการทำบุญตักบาตรในตอนเช้า ในบริเวณพิธี หลังจากนั้นพระสงฆ์สวดชัยมงคลคาถา และสวดพระปริตร เทศนาธรรมใบลาน และเทศนาธรรมสืบชุตา เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายและเสนียดจัญไร หรือสิ่งอัปมงคลให้ออกไปจากหมู่บ้าน เมื่อจบพิธีแล้วก็จะปะพรมน้ำมนต์แก่ผู้มาร่วมพิธีทุกคน
ความสำคัญ
พิธีสืบชะตาเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของชาวล้านนาที่เชื่อกันว่าเป็นการต่ออายุหรือต่อชีวิตของบ้านเมืองหรือของคนให้ยืนยาว มีความสุข ความเจริญ ตลอดจนเป็นการขจัดภัยอันตรายต่างๆที่จะบังเกิดขึ้นให้แคล้วคลาดปลอดภัย
พิธีสืบชะตาแบบพื้นเมืองของจังหวัดน่านได้ยึดถือและปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน ชาวน่านในทุกหมู่บ้าน ทุกตำบลต่างรู้จักและยึดมั่นปฏิบัติกันอยู่ เพราะเชื่อว่าทุกข์ภัยทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง และญาติพี่น้องจะหมดหายไปชีวิตก็จะยืนยาวยิ่งขึ้น อีกทั้งเชื่อว่าก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่การงานพร้อมที่จะสู้กับชะตาชีวิตต่อไป
พิธีสืบชะตานี้แบ่งเป็น ๓ ประเภทคือ
๑. สืบชะตาคน นิยมทำเมื่อขึ้นบ้านใหม่ ย้ายที่อยู่ใหม่ ได้รับยศหรือตำแหน่งสูงขึ้น วันเกิดที่ครบรอบเช่น ๒๔ ปี ๓๖ ปี ๔๘ ปี ๖๐ ปี ๗๒ ปี เป็นต้น หรือฟื้นจากป่วยหนัก หรือมีผู้ทักทายว่าชะตาไม่ดีจำเป็นต้องสะเดาะเคราะห์และสืบชะตา เป็นต้น
๒. สืบชะตาบ้าน นิยมทำเมื่อคนในหมู่บ้าน ประสบความเดือดร้อน หรือเจ็บไข้ได้ป่วยกันทั่วไปในหมู่บ้าน หรือตายติดต่อกันเกิน ๓ คน ขึ้นไป ถือเป็นเสนียดของหมู่บ้าน คนในหมู่บ้านอาจพร้อมใจกันจัดในวันปากปี ปากเดือน หรือปากวัน คือวันที่หนึ่ง สอง หรือสามวันหลังวันเถลิงศก เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล
๓. สืบชะตาเมือง จัดขึ้นเมื่อบ้านเมืองเกิดความเดือดร้อนจากอิทธิพลของดาวพระเคราะห์ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์ เพราะทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนวุ่นวาย เพราะการจราจลการศึก หรือเกิดโรคภัยแก่ประชาชนในเมืองเจ้านายท้าวพระยาบ้านเมืองจึงจัดพิธีสืบชะตาเมือง เพื่อให้อายุของเมืองได้ดำเนินต่อเนื่องสืบไป
พิธีกรรม เครื่องสืบชะตาคนประกอบด้วย
๑. ไม้ค้ำสรี (สะหรี ต้นศรีมหาโพธิ์) ๑๐๐ เล่ม
๒. ขัว (สะพาน) ๑ คู่
๓. ลวดเบี้ย ๓ เส้น (เส้นหนึ่งใช้หอยเบี้ยร้อยเป็นสาย ๑๐๐ ตัว)
๔. ลวดหมาก,ลวดพลู ๓ เส้น (เส้นละ ๑๐๐)
๕. ลวดเมี่ยง ๓ เส้น (เส้นละ ๑๐๐)
๖. ลวดเงิน ๓ เส้น
๗. ลวดทอง ๓ เส้น
๘. ตุงยาวค่าคิง(ยาวเท่าตัวคน) ๓ ตัว
๙. ตุงเล็กและตุงช่อ ๑๐๐ ตัว
๑๐. ลวดข้าวตอก ๓ เส้น (เส้นละ ๑๐๐)
๑๑. บอกน้ำ,บอกทราย อย่างละ ๑ กระบอก
๑๒. บอกข้าวเปลือก,บอกข้าวสาร อย่างละ ๑ กระบอก
๑๓. ต้นกล้ามะพร้าว,ต้นอ้อย,ต้นกล้วย อย่างละ ๓ ต้น
๑๔. กล้วยน้ำว้าดิบ ๑ เครือ
๑๕. มะพร้าว ๑ ทะลาย
๑๖. สีสายค่าคิง(สายน้ำมันยาวเท่าตัว) ๑ สาย
๑๗. เสื่อใหม่ ๑ ผืน
๑๘. หมอนใหม่ ๑ ใบ
๑๙. เสื้อผ้าของผู้เข้าร่วมสืบชะตา
๒๐. หม้อใหม่ ๒ ใบ (หม้อเงิน,หม้อทอง) อย่างละ ๑ ใบ
๒๑. ใบไม้ที่เป็นมงคลเช่น ใบเต๊า ใบขนุน ใบเงิน ใบทอง เป็นต้น
๒๒. เทียนขี้ผึ้งแท้น้ำหนัก ๑ บาท ๑ แท่ง
๒๓. ด้ายสายสิญจน์ ๑ ม้วน
๒๔. บาตรสำหรับใส่น้ำพุทธมนต์ ๑ ใบ
๒๕. ปลาสำหรับปล่อยจำนวนเท่าอายุเจ้าชาตา
๒๖. นก ปู หรือหอยสำหรับปล่อย
อุปกรณ์ดังกล่าวให้จัดทำเป็นกระโจม ๓ ขา กว้างพอที่เจ้าชะตาจะเข้าไปนั่งในนั้นได้ โดยใช้ด้ายสายสิญจน์โยงจากศีรษะไปสู่ยอดกระโจมและดึงไปหาบาตรน้ำมนต์หน้าพระพุทธรูป พระสงฆ์จะถือด้ายสายสิญจน์ขณะสวดมนต์และจะใช้ผูกข้อมือเจ้าชะตาอีกด้วย บางตำราก็จะให้ทำพิธีขึ้นท้าวทั้งสี่ก่อนทำพิธีเครื่องประกอบพิธีอย่างอื่น ได้แก่
ขันตั้งสืบชะตา ประกอบด้วยเทียนเล่มเล็ก ๘ คู่ เล่ม ๑ บาท ๑ คู่ เทียนเล่มเฟื้อง ๑ คู่ ข้าวตอกดอกไม้ หมากหัว พลูมัด เบี้ยพันสาม กล้วยเครือมะพร้าว บอกข้าวเปลือก บอกข้าวสาร หม้อน้ำ หม้อดิน
ขันขอศีล ประกอบด้วยเทียนเล่มเล็ก ๔ คู่ ข้างตอกดอกไม้ใส่พาน
ขันคารวะเครื่องสืบชะตา ประกอบด้วยเทียนเล่มเล็กน้ำหนัก ๒ สลึง ๔ คู่ เทียนสืบชะตา ๓ เล่มเทียนขนาดเล็ก ๑๐๐ เล่ม ประทีป ๑๐๐ อัน และตาแหลวคาเขียว ๑ อัน
ขั้นตอนในการประกอบพิธีสืบชะตา ผู้ดำเนินการและผู้ประกอบพิธี
๑. พระสงฆ์จำนวน ๙ รูป
๒. อาจารย์ฝ่ายคฤหัสถ์
๓. ผู้เข้าร่วมพิธีสืบชะตา (เจ้าชะตาและคณะ)
ขั้นตอนพิธีการ
๑. ตั้งเครื่องสืบชะตา จัดโต๊ะหมู่บูชา ตั้งอาสนะสงฆ์ ๙ ที่
๒. เจ้าชะตาจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย
– ประเคนบาตรน้ำมนต์ให้พระสงฆ์
– ประเคนขันสืบชะตา ด้ายสายสิญจน์
– ประเคนพานอาราธนาศีล แล้วกลับไปนั่งซุ้มพิธี
๓. อาจารย์(ผู้นำในการประกอบพิธี) นำกล่าวบูชาพระรัตนตรัย
๔. อาจารย์กล่าวอาราธนาศีล-ประธานสงฆ์ให้ศีล
๕. อาจารย์อาราธนาพระปริต
– พระสงฆ์องค์ที่ ๓ กล่าว สักเค ชุมนุมเทวดา
– คณะสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์
๖. อาจารย์สมาธรรม และครัวทาน (ขอขมา)
๗. อาจารย์อาราธนาธรรม พระสงฆ์เทศนาธรรมสืบชะตา ๙ ผูก
๘. ประธานสงฆ์มอบเครื่องสืบชะตาให้แก่เจ้าชะตาและคณะ
๙. ประธานสงฆ์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์ พระสงฆ์เจริญไชยมงคลคาถา
๑๐. เจ้าชะตาและคณะถวายจตุปัจจัยไทยธรรมแก่พระสงฆ์ พระสงฆ์อนุโมทนา
๑๑. อาจารย์นำกราบพระ บูชา พระรัตนตรัย เจ้าชะตาถวายภัตตาหารและไทยทานเป็นอันเสร็จพิธี
ชื่อคัมภีร์ที่ใช้ประกอบพิธีสืบชะตา
๑. มหาทิพพมนต์ ๑ ผูก
๒. อุณหัสสะวิไชย ๑ ผูก
๓. โลกาวุฒิ ๔ ผูก
๔. สะลาถะวิชชาสูตร ๑ ผูก
๕. พุทธะสังคะหะโลก ๑ ผูก
๖. มหาไชยมงคล ๑ ผูก
การเทศน์ธรรมสืบชะตาทั้ง ๙ ผูก พระสงฆ์จะเทศน์พร้อมกันรูปละ ๑ ผูก ส่วนเครื่องประกอบพิธีกรรมสืบชะตาบ้าน กับชะตาเมืองนั้น เครื่องสืบชะตาจะเพิ่มมากขึ้นเป็นเครื่อง ๑,๐๐๐ จะมีการโยงสายสิญจน์จากวัดหรือสถานประกอบพิธีผ่านไปยังบ้านแต่ละหลังจนครบทั้งหมู่บ้านและทุกครอบครัวก็จะเตรียมน้ำส้มป่อยน้ำอบ น้ำหอม และทรายมาร่วมพิธีเมื่อเสร็จแล้วจะได้นำกลับไปโปรยที่บ้านเรือนของตน |