เสริมพลังสมองแก้ไขล่าสุด ใน วันอังคารที่ 01 ธันวาคม 2009 เวลา 14:46 เขียนโดย นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา วันอังคารที่ 01 ธันวาคม 2009 เวลา 14:40
สมองฝึกได้ ถ้าคุณมีโอกาสชมการแข่งขันยอดนักจำของโลก (World Memory Championships)ที่จัดขึ้นทุกปีในเยอรมนีจะเห็นได้ว่า ถ้าได้รับการฝึกฝนอยู่เสมอ เซลล์เทาในสมองคนเราจะมีความสามรถยอดเยี่ยมน่าอัศจรรย์ใจ ยกตัวอย่างเช่น โดมินิค โอ ‘เบลียน (DominicO’brien)วัย 40 ปี สามารถจำตัวเลข 240 ตัวได้ในเวลา 5 นาที และจำตำแหน่งไพ่ 52 ใบได้ในเวลาภายในไม่ถึง 42 วินาที ซึ่งถือเป็นสถิติโลกทั้งสองกรณี คนคอยถามเขาอยู่เสมอว่าทำไมจึงจำได้อย่างน่าอัศจรรย์อย่างนี้ โอ’ เบลียนย้ำว่าสิ่งที่เขาทำได้นี้ไม่ใช่ความสามรถที่กำเนิด แต่เป็นผลของการฝึกฝนอย่างจริงจัง ดังนั้น คนที่คิดว่าสมองตัวเองไม่ได้เก่งกาจสักเท่าไร คงรู้สึกสบายใจได้เพราะมีผลการวิจัยจากสหรัฐอเมริกาที่บ่งชี้ว่า การใช้งานสมองเป็นประจำจะช่วยให้สมองอยู่ในสภาพสอบูรณ์ได้จนถึงวัยสูงอายุ คนที่ฝึกความจำอยู่เสมอจะไม่ค่อยมีอาการหลงลืมแม้อายุถึง 60 ปี หรือมากกว่านั้นแล้ว ผลการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้ระบุว่าร้อยละ 32 ของชาวเยอรมันที่อายุเกิน 14 ปี มักจะมีวิธีฝึกความจำของตนอย่างใดอย่างหนึ่ง ทุกวันนี้ ความจำที่ดีมีความสำคัญมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ลองคิดถึงข้อมูลข่าวสารที่หลั่งไหลเข้ามามากมายในแต่ละวัน ในยุคที่มีทางด่วนข้อมูลการสื่อสารมวลชน อละการติดต่อสื่อสารติต่อกันตลอดเวลา สมองเราต้องคอยแยกแยะว่าข่าวสารข้อมูลชิ้นไหนสำคัญหรือไม่สำคัญ ต้องทำงานไม่หยุดเพื่อเลือกดูว่าอะไรที่เราต้องจำหรืออะไรที่พอจะลืมได้ ฉะนั้น ถ้าต้องการฝึกฝนความจำให้ใช้งานได้ดีขึ้นคุณต้องเข้าใจว่าสมองมีกลไกคัด เลือกข้อมูลอย่างไร บันทึกข้อมูลจากประสาทสัมผัส 1) พวกถนัดฟัง ซึมซับข้อมูลจากการฟังและการพูดเป็นหลัก คุณจัดตัวเองอยู่ในประเภทไหนถ้าคุณเลือกใช้วิธีจดจำตามความถนัดของตนเองจะจำข้อมูลได้ง่ายขึ้นมาก คุณอาจใช้วิธีเดียวกันนี้ในการทำงานได้เช่นกัน ถ้าต้องโทรศัพท์ติดต่อผู้คนมากมาย ลองนึกหน้าคนที่ต้องโทรศัพท์หาด่วนที่สุดก่อน หรืออาจใช้ปากกาสีต่างๆวงรอบนัดหมายที่สำคัญเป็นพิเศษในสมุดเตือนความจำ จากรันใช้สมองทำหน้าที่เหมือนกล้องถ่ายรูบ บันทึกภาพที่ได้ไว้ ติดภาพนี้ลงบนกระดาษบันทึกในใจ การฝึกฝนจินตนาการแบบนี้ช่วยให้ความจำดีขึ้นและยังเรียกข้อมูลที่เก็บมาไว้ ใช้ได้ง่ายขึ้นด้วย ประสาทสัมผัสของเรากับโลก วิธีฝึกความจำด้วยภาพนี้เรียกว่าการจินตภาพ(Visualization) หมายถึง การสร้างภาพในใจจากสิ่งทีคุณต้องการจดจำ บรรดานักปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ และศิลปินทั้งหลายรู้จักเทคนิคนี้มานานนับศตวรรษแล้ว เจมส์ วัตสัน(Jame watson) นักชีววิทยาชาวอเมริกัน และเพื่อนร่วมงานชาวอังกฤษคือ ฟรานซิส คริค(Francis Crick) ก็สามารถถอดรหัสดีเอ็นเอของมนุษย์ได้ด้วยเทคนิคนี้ โดยได้ภาพร่างและแบบจำลองบางส่วนจากจินตภาพ จากนั้นจึงนำมาพัฒนาต่อจนได้โครงสร้างรูบเกลียวของโมเลกุลดีเอ็นเอที่อยู่ ภายในเซลล์และมีข้อมูลทางพันธุกรรมของมนุษย์เก็บไว้ การค้นพบครั้งยิ่งใหญ่นี้ทำให้ทั้งสองได้รับรางวัลโนเบล สาขาการแพทย์ในปี ค.ศ.1962 นอกจากนี้ เฮนรี่ มัว (Henry moore : ค.ศ.1989-1986)ประติมากร ชาวอังกฤษ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ใช้จินตนาการให้เป็นประโยชน์โดยก่อนที่มัวร์จะหยิบค้อน และสิ่วขึ้นมาสร้างผลงานอันโด่งดันนั้น เขาได้จิตนาการภาพประติมากรรมเชิงนามธรรมขนาดใหญ่ไว้แล้วอย่างละเอียดละออ ทุกแง่ทุกมุม รากกับมีชิ้นงานเสร็จสมบูรณ์วางอยู่ตรงหน้า ขีดความสามารถในการคิดอย่างสร้าสรรค์ของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับพลังแห่งจินตนาการของผู้คนนั้น รูดอล์ฟ เอิร์นไฮม์(Rudolf Arnheim)ชึ่งเป็นนักจิตวิทยา เชื่อว่ามโนภาพ หรือการมองเห็นด้วยดวงตา มีบทบาทสำคัญต่อการคิดของคนเรามากยิ่งกว่าภาษา ส่วนนักจิตวิทยาคนอื่นๆพบว่ามีผู้ที่นึกภาพในใจได้ดีจะมีประสิทธิภาพความจำ ดีเป็นพิเศษด้วย ไม่ใช่แต่นักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลและประติมากร ผู้ทีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น ที่ได้ประโยชน์จากการคิดเป็นภาพ แต่ใครๆก็สามารถนำเทคนิคนี้มาใช้ใชนีวิตประจำวันได้ด้วยเหมือนกัน จำได้ไม่ยุ่งยาก พอคิดจะทำเค้กสูตรโปรด คุณเกิดลืมส่วนผสมขึ้นมาใช่ไหม ก่อนอื่นใหด้นึกย้อนไปถึงตอนที่กำลังจะนวดแป้งในชามมีไข่ไก่ 3 ฟอง ถัดไปเป็นถ้วยตวงมีแป้งอยู่ครึ่งถ้วย อีกถ้วยหนึ่งเป็นถ้วยน้ำตาล ใกล้ๆกันเป็นถุงผงฟูสีสดและอีกถ้วยใบเป็นมีเนยสีเหลืองๆอยหนึ่งชิ้นพยายาม นึกถึงสีและกลิ่นด้วย ยิ่งคุณนึกภาพได้ชัดเพียงใดจะยิ่งจำส่วนผสมได้ดีเท่านั้น การที่สมองเชื่อมโยงภาพต่างๆแบบคร่าวๆเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนความทรงจำบางอย่าง ของเราโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก หลายคนอาจคุ้นเคยกับสถานการ์ณทำนองนี้ เช่น มีรถสีแดงคันหนึ่งแล่นผ่านไปจู่ๆคุณนึกเห็นภาพตัวเองนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟริม ทางเดินในเชียงใหม่ ปรากฎการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไรหรือ รถยนต์คันนั้นทำให้เกิดภาพที่โยงใยในจิตใต้สำนึก บางทีอาจเป็นเพราะรถคันแรกของคุณเป็นรถสีแดงคันเล็กๆที่คุณเคยขับไปเที่ยว ทั่วเชียงใหม่โดยอัตโนมัติดังนั้นการเชื่อมโยงภาพในลักษณะนี้จะเป็นเครื่อง ช่วยจำเป็นอย่างดี ศิลปะการจำ เทคนิคการพัฒนาความจำด้วยการ เชื่อมโยงภาพต่างๆเข้าด้วยกันนี้เรียกได้ว่าเป็น ศิลปะเเห่งการจำ(mnemonics) โยฮันน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเธ (Lohann Wolfgang Von Ggoethe: ค.ศ.1749-1832) กวีเอกชาวเยอรมัน เคยเปรียบเทียบกระบวนการเชื่อมโยงภาพนี้ว่าเป็นเหมือนศิลปะงานทอผ้า ความคิดของคนเราคือกระสวยที่พุ่งกลับไปกลับมาอย่างสม่ำเสมอบนหูกทอผ้า สอดร้อยเส้นสายเรียงรายของเส้นด้ายมากมายนับไม่ถ้วนเข้าด้วยกัน จนได้เนื้อผ้าเพิ่มขึ้นตลอดเวลา ถ้าคุณลืมพกกุญเเจก่อนออกจากบ้าน บ่อยๆจนบางครั้งเข้าบ้านตัวเองไม่ได้ วิธีเเก้ปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ ติดภาพตลกๆบนเเผ่นเล็กๆไว้ตรงประตูเพือ่เตือนให้หยิบกุญเเจติดมือมาด้วยก่อน ใส่กลอนประตู อีกกรณีหนึ่งคือ คุณอาจจำหน้าคนได้แม่นยำแต่กลับนึกชื่อไม่ออกซักที วิธีแก้ไขอาจทำได้โดยมองหาลักษณะพิเศษบนใบหน้าคนๆนั้นแล้วนึกภาพที่เข้ากัน ได้ดีกับชื่อของเขา จากนั้นโยงลักษณะพิเศษบนใบหน้าเขาเข้ากับภาพที่นึกได้แล้วผูกเป็นเรื่องราว ภาพที่เชื่อมโยงกันนั้นไม่จำเป็นต้องสมเหตุสมผลเสมอไปเนือางจากคนเรามักจำ สิ่งต่างๆได้ง่ายถ้าเชื่อมโยงกับภาพที่แปลกประหลาดหรืตลกขบขัน สมองมีหลายแผนก วันท้้งวันประสาทสัมผัสของเรามีสิ่งเร้ามากมายมากระตุ้นจนเกือบจะรับได้ไม่หมดมีสารพัดทั้งที่เป็นภาพ เป็นสัญลักษณ์ตัวเลข กลิ่นและเสียงต่างๆ อย่างไรก็ตาม แม้กระเเสข่าวสารจะหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย แต่โดยปรกติความจำของเราก็มักจะเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ได้อย่างเป็นระเบียบ เรียบร้อยดี สมองใช้กลไกอย่างหนึ่งเพื่อคงการรับรู้เข้าใจโลกเอาไว้ กลไกดังกล่าวคือการจัดจัดส่งข้อมูลเเต่ละชิ้นไปยังลิ้นชักความจำต่างๆเรียง ตามความสำคัญของข้อมูล นักวิจัยพบว่าระบบความจำของคนเราไม่ได้มีเพียงระบบเดียว แต่มีอยู่หลายระบบด้วยกัน ซึ่งจัดตามระบบตามหลักการเรื่องเวลา ความจำประเภทที่จัดเก็บทันทีทันใดคือ สิ่งที่รับรู้ผ่านประสาทสัมผัสโดยทั่วไปเราบันทึกข้อมูลจากประสาทสัมผัสได้ ภายในเวลาไม่เกิน 1 วินาทีเท่านั้น เมือ่เราจดจำถ้อยคำหรือตัวเลขที่ผ่านหูผ่านตาเราๆไปโดยไม่รู้ตัวก็เป็นการ ใช้ความจำจากประสาทสัมผัสด้วยเช่นเดียวกัน ความจำในระดับถัดมาคือ ความจำระยะสั้น ซึ่งเป็นการจำอย่างตั้งใจความจำระบะสั้นเป็นแผนกจัดเก็บความจำที่มีความ สำคัญที่สุดในสมอง เนื่องจสกในแผนกนี้มีหน้าที่จัดการกับข้อมูลทั้งหลายที่ส่งผ่านเข้ามาโดยจำ เเนกเเยกเเยะข้อมูลออกจากกัน เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และจัดเป็นระบบไว้ ข้อมูลจากประสาทสัมผัสจะเก็บไว้อยู่ในแผนกนี้นานประมาณ10-20วินาที ความจำระยะสั้นสามารถจำตัวเลขเรียงกันประมาณ 7 ตัวซึ่งนับว่ามากพอสำหรับการจำหมายเลขโทรศัพท์โดยทั่วไป อย่างไรก็ตามถ้าหากมีการพัมนาความสามารถนี้ บางคนอาจจดจำตัวเลขได้ถึง 12 ตัว จากความจำระยะสั้น ข้อมูลจะถูกส่งต่อไปยังความจำระยะกลางซึ่งสมองเก็บไว้หลายวัน ก่อนแปรเป็นความจำระยะยาวในที่สุด ความจำระยะยาวเป็นฐานเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล สามารถบรรจุข้อมูลต่างๆไว้ได้มากมาย เทียบเท่ากับหนังสือเล่มหนาขนาดประมาณหกพันล้านหน้าเลยทีเดียว จดจำไปนาน แม้แต่นักจัดเก็บเอกสารหรือเป็นบรรณารักษ์ผู้เชี่ยวชาญที่สุดในโลก ยังไม่สามารถมีระบบการทำงานที่ชัดเจนเท่าการจัดโครงสร้างความจำของคนเรา ถ้าความจำทำงานได้ดี เราย่อมเรียกข้อมูลที่จำไว้มาใช้ได้โดยไม่มีปัญหา แต่น่าเสียดายที่บางครั้งแผนกเก็บข้อมูลในสมองอยู่ในสภาพ ‘นอกเวลาทำงาน’ ก็มี ในกรณีนี้ปัญหาอยู่ที่การเรียกความจำที่การเรียกความจำที่มี อยู่ขึ้นมา คือมีข้อมูลเก็บไว้อยู่แล้ว แต่เรานึกไม่ออกว่าต้องใช้กุญแจดอกไหนไขเปิดช่องเข้าไป ปัยหาสมองตันเเบบนี้แก้ไขได่ด้วยการหมั่นฝึกฝนความจำ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านเข้าไปนานๆเข้า ข้อมูลจำนวนมากจะสูญหายไปเลย เกิดหลงลืมขึ้นเสียมาเฉยๆถึงเเม้อาการเเบบนี้จะน่ารำคาญ แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่ต้องกังวลใจ เพราะความจำของเราเปรียบเหมือนฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์ ถ้าเราจำทุกอย่างในชีวิตไว้โดยไม่ลบอะไรทิ้งไปบ้าง ในมี่สุดสมองจะเต็มล้นไปด้วยข้อมูลเเละสิ่งเร้าต่างๆจนทำงานไม่ได้ เหมือนกับฮาร์ดไดรฟ์ที่รับข้อมูลไว้มากเกินไปนั้นเอง เรียกความจำมา ใช้ ชาวโรมันรู้จักใช้วิธีการอย่างนึงซึ่งได้ผลดีมากในการเรียกความจำจากข้อมูล ที่เก็บไว้ออกมา เรียกวิธีนนี้ว่า โลไค(Loci) ซึ่งมาจากคำว่าLocus ในภาษาละติน แปลว่าสถานที่ โลไคเป็นเทคนิคการเชื่อมโยงข้อมูลที่ปัจจุบันนี้มีการพิสูจน์เเล้ว่าใช้ได้ ผลหลักการของโลไคคือ การผูกโยงภาพตามลำดับสิ่งที่ต้องการทำเข้ากับสถานที่หรือตำแหน่งโดยไม่ต้อง ใช้เหตุผล ภาพที่ผูกโยงได้อาจตลกหรือไม่เป็นจริงก็ไม่เป็นไร วิธีนี้มีประโยชน์มากเมื่อต้องการทำอะไรเรียงตามลำดับหลายอย่าง เพราะจะช่วยให้จำได้ง่ายขึ้น แต่เดิมชาวโรมันใช้วิธีการโลไค เพื่อเรียบเรียงข้อความกล่าวสุนทรพจน์จึงอาจนำมาใช้ในกรณีที่คุณต้องนำเสนอ รายงานหรือกล่าวในที่ประชุมโดยนึกภาพบ้านซึ่งเยื่อมโยงเเต่ละห้องเข้ากับ เเต่ละประเด็นหลักที่จะพูดนั้นคือ ให้ผูกคำสำคัยของประเด็นนั้นๆเข้ากับสิ่งของเเต่ละห้องตามลำดับ เวลาพูดก็นึกถึงภาพตัวเองเดินไปตามผังบ้าน ก็จะช่วยให้นึกออกว่าประเด็นต่อไปคืออะไร ป้อนความจำน่าเสียดายที่ความสามารถในการจำของเราไม่ได้ติดตัวมาตั้งเเต่กำเนิด แม้ว่าธรรมชาติจะสร้างให้มีระบบสั่งสมความจำเกือบไร้ข้อจำกัดก็ตาม แต่ข้อมูลที่เราจะเก็บเเละข้อมูลที่จะเรียกมาใช้ได้หรือยังใช้ได้ดีเพียงใด นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการเเยกเเยะข้อมูลและนำไปเก็บไว้ในช่องความจำ ที่มา: เสริมปัญญา พัฒนาพลังสมอง. รีดเดอร์ส ไดเจสท์ |
ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเว็ปไซต์ www.kasetsomboon.org |
ข้อตกลงก่อนชมเว็ปไซต์ |
บทความบันทึกการเดินทางของเว็ปมาสเตอร์ นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา คลิ๊กอ่านได้เลยครับ มีทั้งหมดตอนนี้ 14 ตอน |