ดอยผาขามตำนานสอนใจ ตอนที่ 1
แก้ไขล่าสุด ใน วันพุธที่ 31 ตุลาคม 2012 เวลา 08:58
เขียนโดย นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา
วันอังคารที่ 28 กันยายน 2010 เวลา 17:53
 |
อ่านตำนานเรื่องราว พระสุธนนางมโนราห์ได้ที่นี่ คลิ๊กที่ภาพดอยผาขามเลยครับ |
คำว่า “ดอย” ในภาษาทางภาคเหนือ คาดว่าผู้อ่านคงจะรู้ความหมายแล้วหล่ะว่าหมายถึง ภูเขา นั่นเอง วันนี้จะมาเล่าเกี่ยวกับตำนานหรือนิทานปรัมปรา ที่ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าสืบต่อกันมา จะจริงหรือไม่นั้นผมว่าไม่จำเป็นหรอกครับ แต่หลายเรื่องที่บรรพบุรุษได้เล่าขานเป็นตำนานนั้น ย่อมแฝงคติธรรมข้อคิดเตือนใจเป็นอย่างดี สำหรับวันนี้ผมจะได้ยกเอาตำนานที่เกี่ยวเนื่องด้วยที่ผมจะเขียนมาเล่าให้ท่านรับรู้กัน หลายท่านคงเคยฟังนิทานหรือตำนานเรื่องราวความรักที่ยิ่งใหญ่ของชายคนหนึ่งที่มีต่อหญิงสาวกินนรีนางหนึ่ง ในเรื่องพระสุธนนางมโนราห์ ซึ่งตำนานเรื่องนี้มักจะเกิดขึ้นทั่วทุกภาคของประเทศไทยก็ว่าได้ หากท่านยังไม่เคยได้ฟังหรือไม่เคยรู้เรื่องราวตำนานดังกล่าว ขอให้ท่านคลิ๊กอ่านตำนานเรื่องดังกล่าวเสียก่อน เพื่อที่จะได้โยงในเรื่องที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ได้ คลิ๊กอ่านได้ที่ภาพข้างบนนะครับ
 |
เชิญติดตามรับชมภาพการทำบุญสืบชะตาแม่น้ำญวนและบรรยากาศบริเวณถ้ำผาแดง ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา ได้โดยคลิ๊กที่ภาพข้างบนครับ |
สำหรับผู้ที่เคยได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว ก็พอจะเดาหรือสามารถจับจุดเรื่องราวเรื่องนี้ได้ ที่ผมว่าตำนานเรื่องนี้ได้โยงใยกับเรื่องที่ผมจะเขียนนั้นอย่างไรนั้นขอให้ติดตามอ่านไปเรื่อยๆนะครับ ที่ผมได้เกริ่นตั้งแต่ต้นว่า ดอยหรือภูเขานั้น แต่ละที่แต่ละแห่งแต่ละภูมิภาค ก็มักจะมีตำนานเรื่องเล่า เพราะเหตุใดหรือครับ ก็เนื่องด้วยลักษณะรูปทรงของภูเขานั่นเองที่ทำให้เกิดมีเรื่องเล่าหรือมีตำนาน ซึ่งบางตำนานก็เป็นเรื่องเล่าที่เป็นเรื่องจริง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเน้นไปในเรื่องความรักของหนุ่มสาวที่มักจะไม่ค่อยสมหวังในรัก เช่น ชายเป็นผู้สูงศักดิ์ หญิงเป็นคนจนๆ หรือ ฝ่ายหญิงเป็นคนรวย เป็นธิดา เป็นผู้มีฐานะทางสังคม แต่ฝ่ายชายเป็นผู้ต่ำต้อย แต่ก็อย่างว่าแหล่ะ ความรักไม่มีอะไรมาสามารถปิดกั้นหรือกีดขวางได้ ซึ่งต้องยอมรับว่า ในสมัยอดีตกาลหรือโบราณนั้น ความรักเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก จะว่าทุกยุคทุกสมัยเลยก็ว่าได้ แต่ในสมัยปัจจุบัน ผมไม่แน่ใจว่า ความรักยังเป็นแบบนั้นอยู่หรือเปล่า ไม่ใช่ เป็นความรักที่จอมปลอม การแต่งงานในปัจจุบัน อาจจะไม่ได้แต่งกันเพราะความรักก็ได้ อาจจะด้วยฐานะทางการเงิน ทางสังคมก็ได้ ไม่รู้สิ ยังไงผมก็ยังคิดว่า คงสู้ความรักในสมัยก่อนไม่ได้ เคยฟังบรรดาคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย พ่ออุ้ยแม่อุ้ย เล่าให้ฟังว่า ในสมัยโบราณมีตั้งแต่การจับคลุมถุงชน หมายถึง ผู้ใหญ่จัดการให้หาคู่ให้เราเรียบร้อย เราไม่มีสิทธิ์เลือก เป็นความพอใจของผู้ใหญ่ เราอาจจะมองว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพทางจิตใจ ลิดรอนความเป็นมนุษย์ แต่ผมก็ทราบมาว่า ครอบครัวของใครต่อใครที่ถูกจับคลุมถุงชน ก็สามารถที่จะอยู่กินกันจนแก่จนเฒ่า และตายจากกันไป พวกเขาอยู่ด้วยกันไปก็รักกันไป มาสมัยต่อๆมา เรื่องการเลือกคู่ ก็เป็นสิทธิ์ของฝ่ายชายฝ่ายหญิงที่พึงพอใจก็คบหากัน แต่กว่าจะเป็นคนรัก เป็นแฟนกัน ต้องใช้ความพยามมากมาย ต้องฝ่าพันอุปสรรคนานัปการ ต้องพิสูจน์ตนเองให้อีกฝ่ายยอมรับให้ได้ ที่ผมทึ่งก็คือ บางคนสามารถเดินข้ามจังหวัดเพื่อไปหาคนรัก ซึ่งบางครั้งต้องใช้เวลาแรมเดือน แต่ด้วยอนุภาพของความรัก พวกเขาก็สามารถอดทนได้ มาถึงอีกยุคหนึ่ง ค่อนข้างที่จะทันสมัยขึ้นมาหน่อย แบบว่ามีตัวช่วย นั่นก็คือ ในยุคของการเขียนจดหมาย ซึ่งก็ผ่านมาประมาณในยุคของพ่อแม่เราแล้ว แม้แต่ในยุคผม ก็ยังเคยเขียนจดหมายหาพ่อกับแม่อยู่เหมือนกัน เพราะการอยู่ไกลกัน ก็จำเป็นต้องทราบข่าวคราวของครอบครัว แต่การเขียนจดหมายหาคนรัก ของคนหนุ่มสาวนี่สิ ที่ผมยอมรับว่า คนรักกันด้วยการเขียนจดหมายส่งหากัน ต้องส่งคำถามและรอคำตอบอย่างน้อยเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์กว่าจะได้รับคำตอบ เพราะฉะนั้นการเขียนจดหมายก็ต้องมีเทคนิค มีคารมคมคาย มีโวหาร สำนวนที่กลั่นออกมาจากใจคนเขียนจริง ไม่ได้เสแสร้งแกล้งเขียน การคบหาต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะตกลงปลงใจคบกันเป็นแฟนจนใจแล้วให้ผู้ใหญ่เดินทางไปสู่ขอและแต่งงานในที่สุด
มาอีกสมัยที่เทคโนโลยีเริ่มขึ้น ในยุคสมัยของเพจเจอร์หรือแพ็คลิงค์ เป็นบริการส่งข้อความถึงคนรัก เป็นใจความสั้นๆ แต่มีความหมาย ซึ่งก็เป็นยุคที่นึกถึงที่ไร ก็อดขำอดหัวเราะไว้ไม่ไหว เพราะกว่าข้อความจะถึงแฟนหรือคนรัก เราจะต้องสารภาพกับเจ้าหน้าที่ ที่ทำหน้าที่เป็นคนรับสาส์นพิมพ์ข้อความและส่งให้อีกฝ่ายหนึ่งก่อนเสมอ ต้องยอมรับคนทำหน้าที่เหล่านี้ว่าสุดยอดมากๆ มาถึงอีกยุคเริ่มมีโทรศัพท์มือถือใช้กัน ความสัมพันธ์ก็ยิ่งเร็วขึ้น ความคิดถึงความรักส่งถึงกันอย่างรวดเร็วทันใจ แต่ความจริงใจอาจจะเริ่มลดน้อยลง เพราะบางครั้งคำพูดกับสิ่งที่ทำมันคนละอย่าง มาถึงยุคปัจจุบันยิ่งทันสมัยสามารถมองเห็นกันเวลาคุยทั้งภาพและเสียง อีกหน่อยคงมีกลิ่นด้วยแหล่ะ ก็ว่ากันไปตามยุคตามสมัยนะครับ แต่ยังไงผมก็ว่าความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่งดงามอยู่ดี ก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะถนอมและให้ความสำคัญกับคนที่คุณรักได้ดีแค่ไหน เรื่องเหล่านี้มันขึ้นอยู่ที่หัวใจของแต่ละคน แต่ยังไงก็ขอฝากไว้ จงมีสติ มีปัญญา อย่าหลงงมงายในความรักเสียจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้นนะครับ ความรักที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขานะครับ หากวันใดที่คุณครอบงำความคิด ความรู้สึกของอีกฝ่าย นั่นหล่ะ ไม่ใช้ความรักที่แท้จริง มันเป็นความโลภ ความหึงหวง และความอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขามากกว่า อย่าลืมนะครับ..รักคือการให้ ปรารถนาให้เขามีความสุข ถึงแม้เขาไม่ได้อยู่กับเรา เขาจะอยู่กับคนที่เขาเลือกก็ตาม
ออกนอกเรื่องไปเสียตั้งนาน เอาหละครับกับมาถึงเนื้อหาของบทความที่จะเล่าให้ฟังนะครับ สิ่งที่ผมเล่าอาจจะไม่ถูกทั้งหมด ก็ต้องขอน้อมรับไว้ เพื่อจะพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นนะครับ เพราะเรื่องที่จะเล่า ก็ได้รับฟังมาอีกทีหนึ่งจากผู้เฒ่าผู้แก่ พ่ออุ้ยแม่อุ้ย อาศัยที่ผมชอบสนทนากับผู้มีอายุในเรื่องเกี่ยวกับอดีตที่ผ่านมา รวมถึงความเปลี่ยนแปลงของสังคม ก็ได้รับความรู้ต่างๆมากมาย
ดังที่ได้บอกนะครับว่าดอยหรือภูเขาแต่ละลูก ล้วนแต่มีตำนานหรือเรื่องเล่าด้วยกันทั้งนั้น วันนี้ดอยที่ผมจะเล่า ก็เป็นภาพที่ปรากฏอยู่ข้างบนหัวเรื่องนะครับ ทำไมผมจึงให้ท่านผู้อ่าน ได้อ่านเรื่องพระสุธนนางมโนราห์ก่อนนั่นนะหรือ ก็เพราะดอยดังกล่าว มีเรื่องราวแฝงปริศนาและคติสอนใจไว้นั่นเอง ดอยที่ว่านั้นมีชื่อว่า “ดอยผาขาม” ในอดีตชาวบ้านเรียกกันว่า “ดอยผาข่าม” ซึ่งความหมายของมันแยกออกได้ดังนี้ ดอย ก็คือ ภูเขา ส่วน ผา ก็หมายถึงภูเขาหินผา ที่มีลักษณ์เป็นหน้าผาสูงขึ้นไปจากพื้นดิน ส่วนคำสุดท้าย คือ คำว่า “ข่าม” นั้น ทางภาษาล้านนาหรือภาษาเหนือ หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์มีอิทธิฤทธิ์นั่นเอง
ดอยผาขามปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่วนอุทยานแห่งชาติภูซาง อยู่ติดกับ บริเวณบ้านปางถ้ำ ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา ซึ่งมีอาณาเขตที่เชื่อมต่อยาวเหยียดปามเส้นแบ่งพื้นที่ระหว่างประเทศไทยและประเทศลาวด้วยความยาวของเทือกเขากว่า 50 กิโลเมตร จากอุทยานแห่งชาติภูซาง ในเขตพื้นที่ของอำเภอภูซาง มาทางทิศใต้ ถึง ตำบลร่มเย็น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา ดอยผาขามในอดีตเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2510 – 2525 บริเวณพื้นที่เหล่านี้ เป็นอาณาเขตหรือพื้นที่สมรภูมิรบ เป็นพื้นที่ยึดครองของบรรดาพรรคพวกที่รัฐบาลพากันเรียกขานเขาว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์อยู่นาน เนื่องด้วยเป็นสมรภูมิที่จัดได้ว่า ดีมาก เพราะอยู่บนที่สูงสามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวข้างล่างได้ทุกมุม และบริเวนหลังผาขาม ก็มีทั้งคอกวัวคอกควาย ที่เป็นที่อยู่ของสัตว์เลี้ยงของพวกเขา แต่ปัจจุบันไม่รู้ว่ายังมีอยู่เปล่า ใครที่ขึ้นไปบริเวณหลังผาขามช่วยบอกหน่อยนะครับ ไม่ได้ขึ้นมาหลายปีแล้ว เกือบยี่สิบปีแล้วมั้ง จำได้ว่าในสมัยตอนเป็นเด็กเล็ก ซึ่งบ้านผมไม่ได้ห่างจากหมู่บ้านดังกล่าวหรือมากนัก ก็ประมาณ 13 กิโลเมตร ในตอนกลางคืนในสมัยก่อน ก็จะเห็นแสงไฟจากลูกกระสุนที่แต่ละฝ่ายยิงตอบโต้กันเป็นประจำ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ที่เคยไปเยี่ยมผู้อพยพที่โดนกองกำลังจากฝ่ายคอมมิวนิสต์โจมตีชาวบ้านบ้านห้วยปุ่ม บ้านน้ำต้ม น้ำปาย ในเขตตำบลร่มเย็น ได้มีทหารและตำรวจตะเวนชายแดนได้นำพวกเขาเหล่านั้นมาไว้ที่ฐานปฏิบัติการใกล้ฝายโป่งจี้ หรือ อ่างเก็บน้ำญวน ปัจจุบันฐานนี้ไม่มีแล้ว ก็คงเห็นหลงเหลือแต่ ท่อซีเมนต์บ้าง อิฐเก่าบ้าง ปูนบ้าง เท่าที่ผมผ่านไปเมื่อปี พ.ศ. 2553 ที่ผ่านมาเมื่อได้เดินทางไปบ้านปางถ้ำ สภาพในตอนเด็กที่เห็นผู้อพยพที่ถูกโจมตีนั้น แต่ละครอบครัว แต่ละคนต้องพลัดพรากจากคนที่ตนรัก บางคนพ่อตาย บางคนแม่ตาย บางคนเมียตาย ผัวตาย ลูกตาย ก็มี ที่น่าสลดใจมากกว่านั้นก็คือ ทำไมมนุษย์เราจึงมีความโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนั้น สภาพที่ผมเห็นบางคนหัวขาดกลายเป็นศพ บางคนแขนขาด ขาขาด สภาพดูไม่ได้เลยศพที่เห็นแต่ละศพ เห็นคนร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ตายไปต่อหน้าต่อตา เห็นแล้วชวนให้นึกสงสาร ญาติพี่น้องผม ก็ได้พากันไปช่วยเหลือ เอาเสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้งไปร่วมบริจาคในพื้นทีเลย และปัจจุบันทราบข่าวว่า ผู้คนเหล่านั้น ได้มีประเทศที่สามได้รับอยู่ที่ประเทศอเมริกากันหมดแล้ว ผมก็ไม่ทราบว่าไปอยู่ ณ หนแห่งใด แต่คิดว่าน่าจะอยู่แถวเขตแคลิฟอเนีย แถวเมือง ซาคาเมนโต เพราะเห็นเพื่อนผมที่เป็นชาวเขาบ้านน้ำเกาะ ต.ยอด อ.สองแคว จ.น่าน ที่เขาเคยเป็นพระสงฆ์ แล้วได้รับอาราธนาให้ไปแสดงธรรม ก็มีชาวเขาหลายคนที่เคยบอกว่าอยู่แถวบ้านห้วยปุ้ม ต.ร่มเย็น อ.เชียงคำ จ.พะเยา ใจจริงผมอยากจะติดต่อดูบ้าง แต่พวกเขาก็คงจำกันไม่ได้แล้วหล่ะ เห็นญาติพี่น้องผมที่บ้านสบสา ลูกหลานพ่ออุ้ยหนานปอน ซึ่งเดิมท่านเป็นคนบ้านห้วยปุ้ม แต่ได้มาอุปสมบทเป็นพระ และสึกออกมาได้ภรรยาเป็นคนพื้นราบ ได้เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนมีการติดต่อกันเป็นประจำ แม้แต่เขาได้อพยพไปประเทศอเมริกาแล้วเขาก็ยังส่งจดหมายมาหา แต่ทางนี้ไม่รู้จะตอบอย่างไร ก็เงียบหายไปเลยเป็นเวลาหลายปีแล้ว ยังไงผมจะพยายามเป็นสื่อกลางลองติดตามหาให้นะครับ ถ้ามีบุญวาสนาจริง คงมีโอกาสได้พบพี่น้องร่วมโลกที่อยู่ในสถานการณ์ตอนนั้นสักคน แล้วเรื่องก็คงจะกระจ่างขึ้น แต่มองดูแล้วหลายคนที่เจอสถานการณ์อย่างนี้ ก็คงไม่อยากจดจำอะไรที่เลวร้าย คงจะพยายามลืมแล้วไม่อยากจะรื้อพื้นขึ้นมาอีกแล้ว และรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่มาอยู่ที่อเมริกา ก็อาจจะไม่ได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ลูกหลานของตัวเองได้ฟังกัน แต่ผมก็ยังหวังอยู่ลึกๆว่า คงจะมีสักคน ที่จะมาช่วยร้อยเรื่องราวที่ผมเขียนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ก็ว่ากันไปนะครับ สำหรับเรื่องราว ก็คอยติดตามนะครับ ว่าใครมีข้อมูลที่ดีกว่านี้ หรือ ใครที่พอมีที่อยู่ของคนรู้จักในสถานการณ์ตอนนั้น ที่ยังจดไว้หรือติดต่อกันอยู่ เมื่อได้อ่านบทความนี้ ขอความกรุณาส่งไปให้ผมด้วยนะครับ ที่
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
หรือที่
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
นะครับ จะขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
ท่านสามารถติดตามอ่านเรื่องราวความเป็นมาของดอยผาขาม (ดอยผาข่าม) ตำนานสอนใจ ได้ โดยคลิ๊กที่หัวข้อแต่ละตอนได้ครับ |
ท่านสามารถติดตามอ่านเรื่องราวความเป็นมาของการสร้างอ่างเก็บน้ำญวนได้ โดยคลิ๊กที่หัวข้อแต่ละตอนได้ครับ |
หรือ หากท่านมีเวลาว่าง ท่านก็สามารถอ่านบทความของเว็ปมาสเตอร์ได้ที่นี่ครับ มีหลายเรื่องหลายตอนให้ท่านได้เลือกอ่าน ก็อ่านเพื่อความเพลิดเพลินเจริญใจ มีสาระบ้าง ไม่มีบ้างก็อย่าได้ว่ากันนะครับ ไม่มีเจตนาใดใดแอบแฝง สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็ขออนุโมทนาด้วยนะครับ หรืออยากพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความคิด หรืออะไรที่เป็นประโยชน์ มีสาระสร้างสรรค์ ก็ขอเชิญท่านแอดผมไปเป็นเพื่อนได้หลายช่องทางครับ ติดต่อผมได้ โดยคลิ๊กที่ชื่อที่ใช้ได้เลยครับ
ที่ |
ช่องทางการติดต่อ |
ชื่อที่ใช้ |
ที่ |
ช่องทางการติดต่อ |
ชื่อที่ใช้ |
|
|
|
|
|
|
1. |
ทาง Face Book ส่วนตัว |
นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา |
5. |
อีเมลล์ ส่วนตัว |
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
|
2. |
ทาง Face Book หมู่บ้าน |
รวมพลคนเกษตรสมบูรณ์ |
6. |
อีเมลล์ หมู่บ้าน |
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
|
3. |
ทาง Face Book เพื่อนๆ
|
Kasetsomboon City |
7. |
Skype |
kasetsomboon999 |
4. |
ทาง MSN |
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
|
8. |
Line |
Dan |
บทความบันทึกการเดินทางของเว็ปมาสเตอร์ นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา คลิ๊กอ่านได้เลยครับ มีทั้งหมดตอนนี้ 14 ตอน |
ท่านสามารถอ่านบทความและเนื้อหาต่างๆของเว็ปไซต์นี้ ผ่านหัวข้อต่างๆดังนี้ |
อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนนะครับ นี่แค่เป็นการเกริ่นเริ่มต้นของบทความ ยังมีต่ออีกเยอะ จะหาเวลามาพิมพ์ พร้อมอัพเดทภาพประกอบให้น่าสนใจ มีข้อแนะนำติชม หรือ ช่วยกันตรวจปรุ๊พ แล้วส่งไปที่
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
จักขอบพระคุณยิ่ง
เพื่อ การพัฒนาปรับปรุงเว็ปไซต์ให้ดียิ่งๆขึ้นไป ขอร้องให้ทุกท่านที่เข้ามารับชมเว็ปไซต์ของเรา ทำตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็ปเราด้วยนะครับ ใครที่ไม่เข้าใจกฎของเรา คลิ๊กไปอ่านที่นี่ได้นะครับ ข้อตกลงในการรับชมเว็ปไซต์ของเรา หรือ อ่านบทนำและวัตถุประสงค์ของการจัดทำเว็ปไซต์ ก่อนนะครับ
จากใจ นายตัวดี ท.ทิวเทือกเขา |
* หมายเหตุ
วัน เวลาเปลี่ยนแปลงไป เหตุการณ์ต่าง ๆ อาจจะเปลี่ยนแปลงไป ขอร้องคนบ้านเฮาใส่ใจ๋ ช่วยกั๋นดูแลฮักษาไว้ หื้อลูกหื้อหลาน ได้สืบสานตำนานฮีตฮอยบะเก่ามะเกื้อ (ใครมีข้อมูลที่ดีกว่านี้ ช่วยส่งเมล์ ไปบอกกันหน่อยนะครับ ที่
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
หรือที่
อีเมลนี้จะถูกป้องกันจากสแปมบอท แต่คุณต้องเปิดการใช้งานจาวาสคริปก่อน
ยินดีตอบ และให้คำปรึกษาครับ ....ท.ทิวเทือกเขา